ตลาดนํ้าอัดลม5หมื่นล้าน ระอุ แบรนด์ดังระเบิดศึกชิงยอดขายซัมเมอร์
เข้าสู่ช่วงหน้าร้อนเมื่อไหร่สินค้าในกลุ่มเครื่องดื่ม จะเป็นตลาดที่คึกคักมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ชาพร้อมดื่ม น้ำผลไม้ เกลือแร่ และน้ำอัดลมที่ล้วนต่างแย่งเปิดตัวแคมเปญหลักออกมากระตุ้นยอดขาย และน้ำอัดลมคือ กลุ่มธุรกิจที่เปรียบเสมือนอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของหน้าร้อน เพราะด้วยมูลค่าตลาดรวมในปัจจุบันที่ทะยานสู่ 5 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องตลอดทุกปี ส่งผลให้ผู้ประกอบการในไทย ซึ่งก็มีหลักๆ อยู่เพียง 4 รายคือ โค้ก เป๊ปซี่ เอส และบิ๊ก ต่างงัดไม้เด็ดออกประชันกันสุดฤทธิ์ เพื่อหวังชิงส่วนแบ่งทางการตลาดและการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้ได้มากที่สุดในช่วงนี้
“บิ๊ก” ปรับสูตรหั่นราคารุกตลาด
นายโซเรน เลาริดเซน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท อาเจ กรุ๊ป จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาเจไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มอัดลมแบรนด์บิ๊ก เผยว่า เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการปรับแพ็กเกจจิ้งใหม่ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการปรับครั้งใหญ่ในรอบ 12 ปีหลังจากที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ด้วยดีไซน์รูปทรงขวดที่ดูทันสมัยขึ้น โค้งมน จับถนัดมือ บนลายนูนโลโก้บิ๊ก พร้อมเปลี่ยนสีฉลากและฝามาเป็นสีเหลือง เพื่อสร้างความโดดเด่นและแตกต่าง นอกจากนี้ยังย้ายตำแหน่งฉลากจากด้านล่างขวด มาอยู่ด้านบนของขวด ง่ายต่อการเข้าถึงและสร้างการจดจำได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการปรับสูตรใหม่ของน้ำอัดลมแบรนด์บิ๊กสูตรใหม่ ด้วยการผสมคาเฟอีนเข้าไปเพื่อสร้างความสดชื่น จากเดิมที่แบรนด์บิ๊กไม่มีการผสมคาเฟอีน ควบคู่กับการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์ที่คุ้มค่า คุ้มราคาด้วยการปรับลดราคาลงมาเฉลี่ยที่ 9-10% และเพิ่มขนาดใหม่ 5 ขนาด
อัด 55 ล้าน เปิดแคมเปญรับซัมเมอร์
ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการต้อนรับหน้าร้อน ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาดเครื่องดื่ม บริษัทได้ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 55 ล้านบาทในการเปิดตัวแคมเปญ “บิ๊ก” โปรโมชันที่สุดแห่งปี 2559 ในการเจาะกระตุ้นการรับรู้ไปยังผู้บริโภคทุกกลุ่มตั้งแต่รางวัลใหญ่สุด คือตั๋วชมทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลยูโร 2016 จำนวน 10 รางวัลๆ ละ 2 ที่นั่ง และรางวัลที่ 2 รถกระบะโตโยต้า รีโว 10 รางวัล เน้นเจาะกลุ่มวัยทำงาน รางวัลที่ 3 รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเอ็มเอสเอ็กซ์ 125 จำนวน 100 รางวัล เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่นตอนปลาย และโทรศัพท์ซัมซุงกาแล็กซี่โน๊ต 5 จำนวน 100 รางวัล เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่นตอนต้น มูลค่ารางวัลทั้งหมดกว่า 19 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายตลอดช่วงซัมเมอร์นี้เติบโตกว่าช่วงปกติ 20%
นอกจากนี้ยังได้เตรียมรุกตลาดในช่วงหน้าร้อนนี้ เพื่อกระตุ้นการเติบโตให้บริษัทอย่างต่อเนื่องด้วยการเตรียมเปิดตัวน้ำสีรสชาติใหม่ อย่างรสสละ ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่าสละถือเป็น 1 ใน 5 รสชาติยอดนิยมของคนไทย
บริษัทวางเป้าหมายเติบโตในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 15% จากปีที่ผ่านมามียอดขายทรงตัวจากปีก่อน พร้อมกับเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 10% จากปัจจุบันที่มีอยู่ 7.6-8% ขณะที่เป้าหมาย 2-3 ปีนับจากนี้คือการก้าวสู่อันดับ 3 ในตลาดเครื่องดื่มเมืองไทยด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 10-15% ในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้
“เอส” ทุ่ม 160 ล. กระทุ้งยอด
นายวิเวก ซาห์บรา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ผู้ทำตลาดเครื่องดื่มอัดลม ภายใต้แบรนด์ “เอส” เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและรองรับการเติบโตของตลาดในช่วงหน้าร้อน ซึ่งถือเป็นช่วงหน้าขายของสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่ม จึงได้เตรียมงบประมาณ 160 ล้านบาท ในการเปิดตัวแคมเปญ “เอส เชียร์สุดซี้ด ต้อง SEAT ติดขอบ” เพื่อให้ผู้บริโภคได้ร่วมสนุกด้วยการส่งรหัสใต้ฝาผลิตภัณฑ์เอส ลุ้นชิงรางวัลชมการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกนัดชิงชนะเลิศที่ประเทศฝรั่งเศส จำนวน 10 รางวัล รวมถึงโทรศัพท์ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส 7 จำนวน 500 เครื่อง รวมมูลค่ารางวัล 20 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2559
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แคมเปญดังกล่าว ได้เปิดตัวแอมบาสเดอร์ “ณเดชน์-คูกิมิยะ” ร่วมถ่ายภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมโรดโชว์ 7 จังหวัด ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันยอดขายสินค้าในช่วงหน้าร้อนเพิ่มขึ้นอีก 15%
ผนึกเครือข่ายสร้างจุดแข็งสู่ระดับภูมิภาค
สำหรับแผนการทำตลาดของบริษัทในปีนี้ จะให้ความสำคัญทั้งตลาดในและต่างประเทศ โดยแผนงานสำหรับการทำตลาดเครื่องดื่มเอสในภูมิภาคอาเซียนปีนี้ จะโฟกัสการทำตลาดไปที่ประเทศเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา หลังจากประสบความสำเร็จจากการทำตลาดในประเทศมาเลเซีย ด้วยยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกสามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 4% ของตลาดน้ำอัดลมในประเทศดังกล่าว ซึ่งจะอาศัยความแข็งแกร่งของเครือไทยเบฟฯ ที่มีเครือข่ายกระจายอยู่ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ จำกัด หรือเอฟแอนด์เอ็น รวมถึงบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม ที่มีทั้งโรงงานผลิตและหน่วยรถกระจายสินค้ากว่า 1 พันคันในการทำตลาด
ส่วนประเทศไทยจะอาศัยบริษัทไทยดริ้งค์ ที่มีความชำนาญในด้านการทำตลาด และเสริมสุขที่มีความแข็งแกร่งทางด้านการกระจายสินค้า พร้อมทั้งมุ่งเน้นการเพิ่มอัตราการซื้อและขยายกลุ่มลูกค้าที่ดื่มเอส โคล่าเป็นประจำให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยสร้างความคุ้นเคยผลักดันให้เอสเป็นแบรนด์ของคนรุ่นใหม่ ด้วยการขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคผ่านการจัดโปรโมชันและแคมเปญต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามสำหรับในส่วนของภาพรวมตลาดเครื่องดื่มอัดลมของไทย มีมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท หรือ 1.9 พันล้านลิตร คาดการณ์ว่าในปีนี้จะทรงตัวเท่ากับปีก่อน ปัจจุบันแบรนด์เอสมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 10% ของตลาดรวมเครื่องดื่มอัดลม หรือคิดเป็นมูลค่า 5 พันล้านบาท ขณะที่รายได้ของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายจากยอดการส่งออกว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในอนาคต
“เป๊ปซี่” ชูสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง
ด้านนายจา-กรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า การแข่งขันของตลาดเครื่องดื่มในช่วงซัมเมอร์ ถือว่ามีการแข่งขันที่รุนแรงในทุกเซกเมนต์ ล่าสุดบริษัทได้ใช้งบตลาดรวม 300 ล้านบาท เปิดแคมเปญสปอร์ตมาร์เกตติ้ง “เป๊ปซี่ พาซ่า เชียร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีกส์ ถึงมิลาน 60 วัน 60 รางวัล” โดยในปีนี้ “เป๊ปซี่” ยังเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมของฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 ฤดูกาล โดยในส่วนของประเทศไทยจะมีการจัดกิจกรรมร่วมสนุกต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ผ่านกิจกรรมยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีกส์อีกด้วย
ขณะที่แนวทางการทำตลาดของบริษัทนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับ 3 ส่วนหลักได้แก่ สปอร์ตมาร์เกตติ้ง มิวสิกมาร์เกตติ้ง และฟู้ดมาร์เกตติ้ง อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดตัวแคมเปญใหญ่ตลอดทั้งปี อีกราว 2-3 แคมเปญในไทย ปัจจุบัน “เป๊ปซี่” มีส่วนแบ่งเป็นผู้นำในตลาดน้ำดำประเภทไม่คืนบรรจุภัณฑ์ คือ กระป๋อง กับขวดเพ็ท ประมาณ 44.7% จากปีที่แล้วที่มี 41% ขณะที่ภาพรวมการเติบโตในช่วงซัมเมอร์ของตลาดน้ำอัดลมมองว่าปีนี้จะเติบโตที่ 5-6% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,139 วันที่ 13 - 16 มีนาคม พ.ศ. 2559