รายงานพิเศษ
โดย TATA007
“ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์”ยังไม่ตายจริงหรือ!
หากจำกันได้เมื่อ5-6 ปีก่อน มีการรายงานข่าวทำนองว่า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทย ปรับฐานครั้งใหญ่ผันตัวผลิตชิ้นส่วนรองรับยุคทองสมาร์ทโฟน หลังตลาดพีซีโลกทรุดฮวบ ขณะที่วงการไอทีชี้เทคโนโลยี-ตลาดเปลี่ยน หากปรับตัวไม่ทันไปไม่รอดแน่ !!!
ในขณะนั้นวงการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนต่างมองว่า ความต้องการฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ (Hard Disk Drive:HDD) จานแม่เหล็กหัวอ่าน มีแนวโน้มลดลงหรือไม่เติบโต สะเทือนถึงผู้ผลิตฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ และลามไปถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนHDDอีกจำนวนมาก ที่พากันปรับตัว
ทั้งหมดมาจากเหตุผลหลัก ของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่มาเร็วไปเร็ว โดยสินค้าบางอย่างไม่ได้ใช้ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ เช่น โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ที่ตลาดกำลังเติบโต มีหน่วยเก็บความจำเป็นเอสดี การ์ด ส่วนกลุ่มที่ใช้ฮาร์ดดิสก์จะเป็นโน้ตบุ๊ค ,คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ใช้ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์จำนวนมาก แต่ตลาดกลุ่มนี้ไม่ได้เติบโตแบบที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้ไม่มีการขยายตัวของตลาดฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์มาตั้งแต่ปี2556 เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีตที่มีการเติบโตเฉลี่ยตั้งแต่15-20% ต่อปี
-กำลังผลิตรวมลดระดับลง
หลังจากนั้นไม่นาน ก็พบว่าปริมาณ HDD ในตลาดโลกจากที่เคยมีกำลังผลิตสูงถึง 170-180 ล้านชิ้นต่อไตรมาส หรือต่อปีมีปริมาณ 600-700 ล้านชิ้น จากผู้หลัก 3 รายคือ บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ WD ,ซีเกท และโตชิบา เป็นฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ ที่มาจากฐานการผลิตในประเทศไทย 40-50% มีปริมาณผลิตลดลงเหลือ 140 ล้านชิ้นต่อไตรมาส สาเหตุในขณะนั้นมาจาก 2 ส่วนหลักคือไทย เผชิญปัญหาน้ำท่วมใหญ่ การส่งมอบHDD สดุด และเป็นฐานใหญ่ของโลกบวกกับเทคโนโลยีในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
จนปัจจุบันนี้การผลิต HDD ในตลาดโลก มีกำลังผลิตรวมลงมาอยู่ที่ 400 ล้านชิ้นต่อปีหรือประมาณ 100 ล้านชิ้นต่อไตรมาส ในจำนวนนี้แบ่งเป็นสัดส่วนตลาดของ WD จำนวน44% ซีเกทมีสัดส่วนตลาด39% มีฐานผลิตในไทยและจีน และที่เหลือเป็นสัดส่วนของโตชิบา17%
-ไม่บูมแต่ไม่หายไปจากตลาด
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแม้จะไม่ทำให้ตลาด HDD อยู่ในยุคบูมเหมือนอดีต แต่ก็ไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าจะสูญหายไปจากตลาด เมื่อตั้งข้อสังเกตถึงเหตุผลว่าทำไมตลาด HDD ยังไม่หายไปทั้งที่กระแสก่อนหน้านั้นมาแรง เบื้องต้นวิเคราะห์ได้ว่ามาจากสัญญาณบวก 3 ส่วนคือ
1.เมื่อปี 2554 ประเทศไทยเผชิญปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ทำให้โรงงานผลิต HDD รายใหญ่อย่างบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ WD ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโรงงาน แต่ยังกล้าลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ขยายตัวอาคาร และทำกำแพงกั้นน้ำท่วมความยาว 2.3 กิโลเมตร ล้อมรอบโรงงาน ทั้งที่ตลาด HDD ในขณะนั้นเริ่มส่งสัญญาณไม่ดี สะท้อนถึงสภาวะตลาดโลกที่ชะลอตัวลง สวนทางการลงทุนของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอิเล็กทรอนิกส์ อย่างWD
โดยทุนสัญชาติอเมริกามองว่า ประเทศไทยเท่านั้นที่เหมาะสมต่อการเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ของHDD ด้วยความพร้อมด้านต้นทุนรวม ความเชื่อมั่นต่อแรงงานไทยที่สะสมประสบการณ์มานาน และความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำให้ WD ยึดประเทศไทยผลิต HDD แห่งเดียวที่มีขนาดกำลังผลิตใหญ่ขึ้น หลังจากโยกไลน์ผลิต HDD ทั้งหมดจาก กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มารวมเป็นฐานผลิตแห่งเดียวภายในปี 2562 เป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่น
2. เกิดการพัฒนา HDD ไปสู่เทคโนโลยีที่ทันสมัยต่อเนื่อง ทั้งในเชิงโมเดลที่ใหม่ขึ้น มีความจุเพิ่มขึ้น จะเห็นชัดเจนว่าตลาดHDDเน้นไปสู่การเก็บข้อมูลในปริมาณที่มากมีบทบาทมากในคลาวด์ สตอเรจ ( Cloud Storage) หรือในดาต้า สตอเรจ (Data Storage )สำหรับเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เช่นใน วีดีโอ กล้องถ่ายรูปที่มีความละเอียดสูง หรือฐานเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่ใช้ในสำนักงานที่ต้องการหน่วยเก็บความจำที่เพิ่มขึ้น
3. หากเข้าไปดูราคาหุ้นบริษัทผู้ผลิต HDD โดยเฉพาะWD และซีเกท ย้อนหลังเปรียบเทียบปัจจุบันจะพบว่าราคาหุ้นยังสูงและยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุนและน่าจับตามองอย่างยิ่ง
ดังนั้นหากมองเฉพาะ 3 สิ่งที่ปรากฏข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า จากที่เคยโฟกัสว่าตลาดHDD จะตาย แต่ยังไม่ตายหลังจากที่ตลาดโดยเฉพาะองค์กรเริ่มขานรับมากขึ้น แต่จะไปต่อได้อีกกี่ปีนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่การพัฒนาทางเทคโนโลยี เมื่อมองด้วยเหตุผลเชิงประจักษ์ ภาพฟ้องว่าตลาดHDD ยังก้าวต่อไปได้อีก!
แม้ว่าตลาดบางส่วนถูก Solid State Drive หรือ SSD ที่มีความทันสมัย ประหยัดไฟ คล่องตัวและสะดวกในการใช้งานมากกว่าแย่งส่วนแบ่งตลาดไป แต่ปัจจัยของราคาที่ยังสูงลิบ อีกทั้งยังไม่สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากได้ จึงเป็นข้อจำกัดหลักในการใช้SSD จึงเป็นเหตุผลว่าHDD ยังไม่ตาย