ครม.เห็นชอบตั้ง "มหาวิทยาลัยอมตะ" ของไต้หวัน รับการพัฒนาอีอีซี
- 16 มิ.ย. 2561- พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 มิถุนายน) ว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาเสนอให้ มหาวิทยาลัยอมตะ (Amata University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของไต้หวัน จัดการศึกษาในหลักสูตร Master of Science (M.S.) in Engineering ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันในประเทศไทย ตามความในข้อ 4 แห่งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 29/2560 เรื่องการส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2560
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่รัฐบาลได้มีมติว่า จำเป็นต้องพัฒนาคนให้มีศักยภาพเพื่อรองรับการเติบโต การขยายตัวของเศรษฐกิจพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยจากต่างประเทศเข้ามาจัดตั้งสาขาในพื้นที่อีอีซี หรือ ถ้าไม่อยู่ในพื้นที่อีอีซีต้องได้รับอนุญาตจาก คณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ (คพอต.)
อย่างไรก็ดี หลักการเบื้องต้นกำหนดให้มหาวิทยาลัยที่เข้ามาจัดตั้งนั้นจะต้องไม่แย่งลูกค้ากับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยจะต้องมุ่งไปสู่สาขาวิชาที่ประเทศไทยขาดแคลนหรือมุ่งไปสู่สาขาที่อยุ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้ง S-Curve และ New S-Curve 10 อุตสาหกรรม ทั้งยังต้องจัดการเรียนการสอนให้มีมาตรฐานเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยหลักในต่างประเทศด้วย เพื่อรับประกันคุณภาพว่า สาขาที่มาตั้งในต่างประเทศมีมาตรฐานและคุณภาพไม่แตกต่างไปจากมหาวิทยาลัยต้นทางของตนเองในประเทศนั้นๆ
สำหรับหลักสูตรดังกล่าวนี้จะเน้นทางด้านการใช้หุ่นยนต์ช่วยในสายการผลิตระบบอัตโนมัติ และยานยนต์แห่งอนาคต โดยมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับการจัดอันดับจาก Quacquarelli Symonds (QS) 2017 ให้อยู่ในลำดับที่ 76 ของโลก และมีอันดับเฉพาะรายวิชาดังกล่าวอยู่ในลำดับที่ 23 ของโลก
“เพื่อตอบรับกับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซีให้เป็นเมืองอัจฉริยะที่จะต้องพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ใช้มาตรฐานเดียวกันกับไต้หวัน โดยจัดตั้งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนิคม จ.ชลบุรี”
ส่วนประเด็นความเป็นห่วงละเอียดอ่อนเกี่ยวกับจีนและไต้หวันนั้น ได้กำหนดข้อตกลงปลีกย่อยในบางประการ อาทิ ห้ามประดับธงชาติของไต้หวัน ไม่ประดับรูปภาพของอดีตผู้นำ หรือนักการเมือง งดเว้นการระบุคำว่า สาธารณะรัฐประชาชนจีน รวมถึงการจัดกิจกรรมที่ต้องเป็นกิจกรรมทางการศึกษา เป็นต้น
“วันนี้ ครม.จึงเห็นชอบเพราะถือว่าเป็นไปตามแผนงานตามยุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ อีอีซี และสร้างคนของเราให้มีศักยภาพเพื่อรองรับการเจริญเติบโตและการขยายตัวของเขตศก.พิเศษอีอีซีใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายดังกล่าว” พล.ท.สรรเสริญ ระบุย้ำ