ททท.บุกอินเดียเปิดแคมเปญ “Open to the New Shades of Amazing Thailand”

24 ก.พ. 2561 | 04:07 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ททท. บุกตลาดอินเดียเปิดตัวแคมเปญ “Open to the New Shades of Amazing Thailand” หวังดึงนักท่องเที่ยวศักยภาพเที่ยวเมืองไทยต่อเนื่อง

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวแคมเปญ “Open to the New Shades of Amazing Thailand” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนชาวอินเดีย ถึงกลยุทธ์ทางการตลาดท่องเที่ยวของ ททท. ในปี 2561 และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว สินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ รวมถึงความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยมีนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. ผู้บริหาร ททท. ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนชาวอินเดียเข้าร่วมงานจำนวนรายกว่า 200 ราย
tind1 นายยุทธศักดิ์ สุภสร กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และติดอันดับ 1 ใน 10 ของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางมายังประเทศไทยมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มแต่งงาน ฮันนีมูน กลุ่มครอบครัวและนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ทำให้ปี 2560 มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางมายังประเทศไทยจำนวนมากกว่า 1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึงร้อยละ 18.2 สร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 62,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 23.11 และคาดว่าสิ้นปี 2561 จะมีรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12 ซึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียนับเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศไทยได้จำนวนมาก รัฐบาลไทยจึงให้ความสำคัญในการส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียอย่างต่อเนื่อง

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า การมาเปิดตัวแคมเปญ Open to the New Shades of Amazing Thailand ในตลาดอินเดียนับเป็นการสร้างการรับรู้ถึงประเทศไทยในมุมมองใหม่ โดยในปีนี้ ททท. ยังคงดำเนินกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกและกำหนดแนวทางการส่งเสริมตลาดให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ในการเป็น Preferred Destination พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างความชัดเจนในการใช้ Thai Local Experience เป็นจุดขายหลักผ่านการสื่อสารในแนวคิดใหม่ ภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand พร้อมทั้งจับมือกับพันธมิตรต่างสาขา เพื่อหามุมมองใหม่ ๆ ในการทำงานร่วมกับชุมชนกลุ่มต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าบริการและกระจายรายได้ไปยังชุมชน กอปรกับจุดแข็งของประเทศไทยนั้นคือความหลากหลาย
tind2 ดังนั้นแคมเปญนี้จะมุ่งเน้นไปที่จุดแข็งของประเทศไทย Open to the New Shades จะเปิดเผยมุมมองใหม่ของแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกท่านเคยรู้จัก พร้อมทั้งแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว โดยโฟกัสไปที่นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางยังประเทศไทยแล้ว (Revisit) และนักท่องเที่ยวใหม่ที่ยังไม่เคยมาประเทศไทย (First visit) นอกจากนี้ ททท. ได้นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวของเมืองไทยผ่านดนตรี สามารถสร้างการรับรู้และสร้างการจดจำเรื่องราวของเมืองไทยได้ดียิ่งขึ้น

จากแนวคิดนี้ ททท. จึงนำเสนอสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและมีความหลากหลาย ได้แก่
-อาหาร : อาหารไทยมีความหลากหลาย มีประเภทอาหารมากมายให้ได้ลองลิ้มชิมรสทั่วทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็น street food อาหารชาววัง อาหารผสมผสาน หรืออาหารดั้งเดิมในครัวเรือน อีกทั้งขนมและของหวานที่มีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัว
-ธรรมชาติและชายหาดทะเล : ประเทศไทยถือว่ามีจุดเด่นเป็นอย่างมากในด้านธรรมชาติและชายหาดทะเล ททท. นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลในจังหวัดระยองและจังหวัดตราดที่มีความสวยงาม ไม่แพ้ชายหาดในพัทยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียชื่นชอบอยู่แล้ว

tind3

-ศิลปะและงานหัตถกรรม : นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี จังหวัดสมุทรสาคร ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมการสาธิตและเรียนรู้ขั้นตอนการทำเครื่องเบญจรงค์
-วัฒนธรรม : ประเพณีของไทยนั้นมีความหลากหลายและมีความเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนของคนไทย อย่างประเพณีสงกรานต์ของประเทศไทยในแต่ละท้องถิ่นก็มีอัตลักษณ์แตกต่างกัน เช่น งานประเพณีสงกรานต์มอญสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะสรงน้ำพระผ่านรางกระบอกไม้ไผ่ เป็นต้น

-วิถีชีวิต : ในช่วงเดือนพฤษภาคม – เดือนมิถุนายนของทุกปี เป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ทางภาคตะวันออกของไทย นับเป็นโอกาสดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบผลไม้จะได้เดินทางไปสัมผัสวิถีชาวสวนและลิ้มลองรสชาติของผลไม้ขึ้นชื่อ อาทิ ทุเรียน มังคุด ได้ด้วยตนเองถึงสวนผลไม้ นอกจากนี้ ททท. ยังเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเพื่อไปสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนบ้านบางพลับ จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ ปั่นจักรยานชมวิถีชุมชน ตลาดน้ำ (ตลาดน้ำอัมพวา และ ตลาดน้ำท่าคา)
tind4 นอกจากนี้ ททท. ยังให้ความสำคัญกับตลาดกลุ่มความสนใจพิเศษที่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว ชาวอินเดีย อาทิ กลุ่ม Wedding & Honeymoon ประเทศไทยแหล่งท่องเที่ยวประเภทหาดทรายชายทะเลที่มีความสวยงาม โรแมนติก เช่น หัวหิน กระบี่ และเกาะสมุย ทั้งยังมีบริษัทผู้เชี่ยวชาญที่สามารถจัดงานแต่งงานและโปรแกรมท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ต้องการฉลองฮันนีมูน ที่สามารถตอบรับทุกความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ กลุ่ม Shopping นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเพื่อจับจ่ายสินค้าระดับ Hi-end ในศูนย์การค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพมหานคร อาทิ Central Embassy, Siam Paragon, Gaysorn และ Em district เป็นต้น

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

รวมไปถึงตลาดกลางคืนซึ่งมีสินค้าและอาหารสตรีทฟู้ดมากมายให้เลือกสรรในราคาที่เหมาะสม อาทิ ตลาดนัดรถไฟ ตลาดรัชดา เป็นต้น และกลุ่ม Family Fun เป็นที่น่ายินดีที่ขณะนี้ TripAdvisor ได้ประกาศให้สวนสนุกและสวนน้ำของประเทศไทยจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ สวนน้ำรามายณะ (จ.ชลบุรี) สวนน้ำ The Black Mountain (จ.ประจวบคีรีขันธ์) และ สวนน้ำ The Cartoon Network Amazone (จ.ชลบุรี) ให้ติดอันสวนน้ำที่ ดีที่สุดในทวีปเอเชียอันดับที่ 3, 6 และ 7 ตามลำดับ ซึ่งเป็นการการันตีว่าประเทศไทยยังมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวอีกด้วย

tind5

ภายในงานยังมีกิจกรรมสาธิต อาทิ การแกะสลักผลไม้ไทย การเพ้นท์สีลายไทยบนมือ การเพ้นท์หัวโขน การทำขนมไทย เป็นต้น และผู้เข้าร่วมงานยังได้รับฟังการแสดงดนตรีสด “Open to the New Shades” โดยศิลปินแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง “คุณโก้ Mr. Saxman” สามารถสร้างความประทับใจแก่สื่อมวลชนและผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวชาวอินเดียได้เป็นอย่างยิ่ง และในโอกาสนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ยังได้มอบรางวัลเกียรติคุณรวมทั้งสิ้น 10 รางวัล ให้แก่พันธมิตรด้านท่องเที่ยวชาวอินเดีย ได้แก่ บริษัทนำเที่ยว สื่อมวลชน และสายการบิน ที่สนับสนุนการทำงานของ ททท. เป็นอย่างดีและเพื่อเป็นการต่อยอดการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวชาวอินเดียอย่างต่อเนื่อง ททท. ได้เชิญผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสื่อมวลชนชาวอินเดีย รวมจำนวน 150 ราย เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยในมุมมองใหม่ ตามแคมเปญ Amazing Thailand Open to the new Shades ในวันที่ 30 มีนาคม – 2 เมษายน 2561 อีกด้วย

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางมายังประเทศไทยสามารถขอรับการตรวจลงตราได้ที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองได้เลย (VISA ON ARRIVAL) และมีเที่ยวบินระหว่างสาธารณรัฐอินเดียกับประเทศไทย จำนวน 240 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จาก 17 เมืองหลักของสาธารณรัฐอินเดีย

tind6

e-book-1-503x62