ปิดดีลร่วมทุน IBANK! มี.ค. ได้พันธมิตรใหม่ ลั่น! ปีนี้พลิกทำกำไรครั้งแรก

20 ก.พ. 2561 | 11:35 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ก.พ. 2561 | 18:35 น.
1804

IBANK มั่นใจ! มี.ค. ปิดดีลพันธมิตรร่วมทุนสำเร็จ หลังนักลงทุนตัวจริงเสียงจริงแห่ทำดิวดิลิเจนซ์ ก่อนเคาะรายชื่อส่งคลังเสนอ ครม. อนุมัติ เผยแผนฟื้นฟูคืบหน้า รัฐพร้อมใส่เงินเพิ่มทุนล้างขาดทุนสะสม 1 หมื่นล้านบาท ลั่น! ปีนี้พลิกทำกำไร

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (IBANK) หรือ ธอท. คาดว่า จะสรุปปิดดีลพันธมิตรรายใหม่ที่จะเข้ามาช่วยฟื้นฟูกิจการธนาคารได้ภายในเดือน มี.ค. นี้ หลังจากที่ธนาคารได้ดำเนินการฟื้นฟูกิจการภายใต้แผนฟื้นฟูที่อนุมัติโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ตั้งแต่ปี 2557

นายวิทัย รัตนากร รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะกรรมการและรักษาการผู้จัดการ IBANK กล่าวว่า หลังนักลงทุนทำ Due Diligence แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา คาดว่าภายในเดือน มี.ค. นักลงทุนที่สนใจจะยื่นข้อเสนอและราคาสุดท้ายกลับมาให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณา ก่อนเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังภายในวันที่ 30 มี.ค. และนำรายชื่อที่คลังอนุมัติเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็นลำดับถัดไป

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ

ตามแผนฟื้นฟูกิจการ คนร. กำหนดให้ IBANK ลดค่าใช้จ่าย ขยายพอร์ตลูกค้ามุสลิมเพิ่มขึ้น โอนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPF) ไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (IAM) ที่ดำเนินการแล้วจำนวน 4.9 หมื่นล้านบาท

ปัจจุบัน IBANK คงเหลือ NPF ประมาณ 9,000 ล้านบาท เฉพาะลูกค้าหนี้มุสลิม 3,200 ล้านบาท มีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง 4.4 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินฝากอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายเพื่อการเพิ่มทุนให้กระทรวงการคลังถือหุ้นชั่วคราวได้เกิน 49% คาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษากลางเดือน มี.ค. หลังร่างแก้ไขฯ เข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา

IBANK จะได้รับเงินเพิ่มทุนเข้ามาเดือน เม.ย. จำนวน 1.81 หมื่นล้านบาท ทำให้กระทรวงการคลังจะถือหุ้น 99% ก่อนจะลดลงเหลือ 49% เมื่อได้ผู้ร่วมทุนใหม่ เงินเพิ่มทุนส่วนหนึ่งจะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 1.08 หมื่นล้านบาท ขณะที่ เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ยังติดลบ

“การหาพันธมิตรครั้งแรกเมื่อปี 2558 ไม่มีนักลงทุนสนใจ ครั้งที่ 2 กลางปีที่แล้ว ปิดดีลไม่สำเร็จ แต่ครั้งนี้ ผมมาเริ่มใหม่ ส่งหนังสือเชิญนักลงทุน 68 ราย ผ่าน 3 กลุ่ม คือ กลุมเดิมที่เคยดีลมา 2 ครั้ง, กลุ่มธนาคารในทวีปเอเชียและตะวันออกกลาง และกลุ่มที่ปรึกษาทางการเงินและวาณิชธนกิจ มีนักลงทุนส่งหนังสือตอบรับกลับมามากกว่า 1 ราย”

แรงจูงใจสำคัญที่ทำให้นักลงทุนพร้อมจะเข้าเป็นพันธมิตร IBANK คือ ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นธนาคารรัฐแห่งเดียวที่เอกชนถือหุ้นมากกว่ารัฐ มีโอกาสขยายฐานลูกค้ามุสลิมอีกมาก เพราะไม่มีคู่แข่งในประเทศ ที่สำคัญ IBANK ไม่มีขาดทุนสะสม ไม่ต้องเสียภาษี และมีต้นทุนต่ำ


24-3337

นายวิทัย กล่าวว่า ตลอดเดือน ต.ค. - ธ.ค. ที่ผ่านมา ธนาคารมุ่งแก้ไขปัญหาหลักที่เห็นผลคืบหน้าเป็นรูปธรรมตามลำดับ ทั้งการจัดทำยุทธศาสตร์ฟื้นฟูโดยปรับงบดุลตามความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บันทึกค่าใช้จ่าย 513 ล้านบาท ที่เกิดในอดีต

ปรับโครงสร้างหนี้ ลูกหนี้รายใหญ่ 16 ราย มูลหนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมเรียกหลักประกันเพิ่ม 2,270 ล้านบาท และสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 2,300 ล้านบาท ทำให้สิ้นปี 2560 IBANK ขาดทุน 2,922 ล้านบาท แต่หากไม่ทำตรงนี้จะต้องสำรอง 1,566 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ได้เบิกวงเงินเกินบัญชีกับธนาคารกรุงไทย เพื่อเตรียมสภาพคล่องวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท และปรับแผนธุรกิจใหม่ โดยโฟกัสปล่อยสินเชื่อ 2 กลุ่มหลัก คือ ลูกค้ามุสลิม รัฐวิสาหกิจ พร้อมบริษัทขนาดใหญ่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงปรับปรุงการให้สินเชื่อที่เข้มข้นขึ้น ควบคู่กับการปรับโปรดักต์และปรับบุคลากร เพื่อเดินตามแผนธุรกิจ


แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์

ปีนี้ธนาคารจะเริ่มทำรายได้จากการแก้ไขหนี้รายย่อยเฉพาะกลุ่มมุสลิม จำนวน 3,200 ล้านบาท ส่วนการปล่อยสินเชื่อจะเน้นประคองตัวไม่รุกตลาด โดยเริ่มต้นปีมียอดอนุมัติแล้ว 3,500 ล้านบาท มีการเบิกใช้วงเงินแล้ว 2,000 ล้านบาท จากเป้าทั้งปีตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท

สำหรับแผนงาน 5 ปี หรือ ปี 2561-2565 IBANK ประมาณการจะทำกำไรทุกปี โดยเฉพาะปี 2561 คาดว่าจะกำไรประมาณ 30 ล้านบาท ครั้งแรกในรอบ 5 ปี ส่วนปี 2562 คาดว่าจะกำไร 137 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 324 ล้านบาท ในปี 2563 ในปี 2564 ขยับเพิ่มเป็น 756 ล้านบาท และปีสุดท้าย 2565 จะกำไรสุทธิ 1,177 ล้านบาท


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,337 วันที่ 4-7 ก.พ. 2561 หน้า 23-24

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว