Bitconnect ปิดตัวแล้ว หลังก.ล.ต.สหรัฐฯยื่นโนติซดำเนินการผิดกฎหมายให้ยุติ ฉุดสกุลเงินดิจิตอลร่วงกราวรูดลงกว่าครึ่งอีกระลอก บิตคอยน์ดิ่งทะลุตํ่ากว่า 1 หมื่นดอลลาร์ต่อหน่วย ก่อนไต่กลับขึ้นเล็กน้อย ขณะนักลงทุน Bitconnect ยังเคว้งเข้าเว็บถอนเงินคืนยังไม่ได้
ยังคงเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องระมัดระวังให้มากกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล (crypto currency) ที่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ราคาของบิตคอยน์ (Bitcoin)ที่เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ดำดิ่งทะลุ 10,000 ดอลลาร์ต่อหน่วย ลงมาอยู่ที่ราวๆ 9,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือลดลงเกือบ 50% เมื่อเทียบกับราคาที่เคยขึ้นไปสูงสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากข่าวการปิดตัวของเว็บไซต์ Bitconnect ผู้ให้บริการที่เป็นทั้งเวทีซื้อขายแลกเปลี่ยนและลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล บวกกับข่าวที่ว่าทางการสหรัฐฯ กำลังเข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมทางการเงินผ่านตลาดเงินดิจิตอล ที่หลายคนเรียกว่า “ตลาดคริปโต”
เว็บไซต์ยอดนิยม Bitconnect ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนและกู้ยืมในรูปสกุลเงินดิจิตอลแก่ลูกค้าและนักลงทุน ในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้ตกเป็นเป้าข่าวลือโจมตีว่า รูปแบบการทำธุรกิจของ Bitconnect เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ (Ponzi scheme) และกำลังจะถูกหน่วยงานภาครัฐเข้าดำเนินการ จากกระแสข่าวสร้างความหวั่นวิตกให้กับนักลงทุนในวงกว้าง Bitconnect ได้ประกาศปิดแพลตฟอร์มการซื้อขายและบริการกู้ยืมเงินดิจิตอลอย่างเป็นทางการ ทำให้เกิดกระแสเทขายเงินดิจิตอลสกุล BCC ที่ทางเว็บไซต์ใช้เป็นตัวกลาง (token) ในการทำธุรกรรมดิจิตอล ราคาของ BCC ดิ่งลงจากระดับ 431 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหน่วยมาอยู่ที่ 21.67 ดอลลาร์สหรัฐฯช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังข่าวการปิดบริการของเว็บไซต์
ผู้บริหารของ Bitconnect ให้เหตุผลการปิดบริการไว้บนหน้าเว็บไซต์ว่า เนื่องจากมีการปล่อย ข่าวสร้างความเสียหายให้กับ Bitconnect มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมาชิกและนักลงทุนเกิดความไม่สบายใจและไม่มั่นใจในแพลตฟอร์มดังกล่าว นอกจากนี้ยังยอมรับว่า บริษัทได้รับจดหมายแจ้งจากคณะกรรมการหลักทรัพย์รัฐเท็กซัสและรัฐนอร์ธ แคโรไลนา ระบุให้ทาง Bitconnect ปิดให้บริการ เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และทำการขายเงิน BCC โดยไม่ได้ลงทะเบียน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทางการเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินแพลตฟอร์มซื้อขายและลงทุนในเงินดิจิตอลของบริษัท
อีกเหตุผลที่ถูกกล่าวถึงคือ Bitconnect ระบุว่า ได้ถูกโจมตีหลายครั้งแบบ DDoS จากผู้ไม่ประสงค์ดี (การโจมตีแบบ Distributed Denial of Service หรือ DDoS มีจุดประสงค์เพื่อให้ระบบหยุดการทำงานและไม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ทั้งระบบหรือเฉพาะเครื่องเดี่ยว ๆ ) ส่งผลทำให้เว็บไซต์เกิดปัญหาด้านการใช้งานและสร้างความกังวลใจให้กับลูกค้าและนักลงทุนที่เข้ามาใช้บริการ การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และยังมีแนวโน้มต่อเนื่องโดยทางเว็บไซต์ยังไม่สามารถป้องกันได้ ทาง Bitconnect จึงจำเป็นต้องตัดสินใจปิดการให้บริการในที่สุด
การที่ Bitconnect ตกเป็นเป้าเพ่งเล็งว่าอาจดำเนินการธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่นั้น เนื่องมาจากการให้ผลตอบแทนสูงแก่สมาชิกเป็นสิ่งจูงใจ โดยผู้ที่นำเงินมาเข้าระบบ 100-1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะได้รับผลตอบแทนคืนถึงเดือนละ 40% นอกจากนี้ยังมีผลตอบแทนเป็นโบนัสรายวันหากมูลค่าเงินสูงขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าให้กู้เงิน 10,000-100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯก็จะได้รับผลตอบแทน 40% ต่อเดือน บวกเงินโบนัสพิเศษวันละ 0.25% ผู้ที่นำเงินมาเข้าระบบต้องซื้อเงิน BCC เป็นตัวกลางในการทำธุรกรรม ซึ่งถ้ามีผู้สนใจเข้ามามากก็จะดันให้ค่าเงิน BCC พุ่งสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดข่าวฉาวเกี่ยวกับ Bitconnect จนต้องปิดบริการไปนั้น ราคา BCC หดวูบลงไปแล้ว 80-90% จากกว่า 400 ดอลลาร์มาอยู่ที่เพียง 20 กว่าดอลลาร์สหรัฐฯ และสมาชิกที่เคยลงทุนเก็งกำไรในสกุลเงินดังกล่าวก็ยังคงเร่งขายเนื่องจากกลัวว่าหากเก็บไว้จะยิ่งขายได้ยากและไม่สามารถได้เงินคืน
แม้ผู้บริหารเว็บ Bitconnect จะออกมาชี้แจงว่าสมาชิกจะได้รับเงินคืนในอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน แต่เรื่องนั้นก็ยังเป็นข้อกังขาว่าจะทำได้อย่างพูดหรือไม่? เนื่องจากค่าเงิน BCC ของทางเว็บเองร่วงลงไปแล้วอย่างหลุดรุ่ย อีกทั้งปัญหาที่ระบบของทางเว็บถูกโจมตีก็ทำให้สมาชิกหลายรายไม่สามารถเข้าไปถอนเงินที่นำมาลงทุนไว้ในระบบได้ ชะตากรรมของ Bitconnect ส่งผลสร้างความหวั่นวิตกในวงกว้างและพลอยทำให้เงินดิจิตอลสกุลหลักๆ อย่าง บิตคอยน์ และอีเธอเรียม มูลค่าตกลงไปด้วยราว 40% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สกุลริปเพิลร่วงหนักเกือบ 50% และถึงแม้ว่าขณะนี้ บิตคอยน์จะดีดกลับขึ้นมาทะลุระดับ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหน่วยได้ในที่สุด แต่ก็ยังตํ่ากว่าที่เคยไต่ขึ้นไปถึง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อเดือนธันวาคม
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,334 วันที่ 25 - 27 มกราคม พ.ศ. 2561