“พิเชฐ” เผยตั้งสถาบันไอโอทีคืบหน้า คาดออกแบบก่อสร้างแล้วเสร็จกลางปีนี้ด้วยงบลงทุนกว่า 3.6 พันล้านบาทช่วยขับเคลื่อนอีอีซีดี พร้อมเร่งดึงพันธมิตรกว่า 10 รายร่วมลงทุน ประเดิมสร้างฐานนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่
นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(กระทรวงดีอี) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความคืบหน้าในการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิตอล(ดิจิตอลพาร์ก ไทยแลนด์) หรืออีอีซีดี บนเนื้อที่ 709 ไร่บริเวณอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ว่า การจัดตั้งสถาบันไอโอที ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอีอีซีดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้างอาคารในพื้นที่ พร้อมทั้งศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2561 เพื่อจะนำไปสู่การเตรียมประมูลก่อสร้างและได้ผู้ชนะการประมูลในเดือนพฤศจิกายนและเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนธันวาคม 2561 แล้วเสร็จในปี 2564 ด้วยงบประมาณ 3,699 ล้านบาท
[caption id="attachment_249983" align="aligncenter" width="335"]
พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(กระทรวงดีอี)[/caption]
สำหรับรูปแบบการลงทุนนั้น เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิตอลเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทางภาครัฐจะลงทุนในเรื่องของพื้นที่อาคารโครงสร้างพื้นฐานดิจิตอลที่เป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิตอล เช่น สนามทดสอบยานยนต์ไร้คนขับ และระบบขนส่งส่วนบุคคลอัจฉริยะ ห้องทดสอบเครื่องบินขนาดเล็ก(โดรน) พื้นที่ทดสอบการรับส่งคลื่นสัญญาณเครือข่ายกับระบบอุปกรณ์ไอโอทีในแต่ละคลื่นความถี่ การติดตั้งเสารับส่งสัญญาณสำหรับการทดสอบ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสร้างนวัตกรรม
ขณะที่เอกชนร่วมลงทุนในเรื่องของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์ เครื่องมือ ระบบอัตโนมัติ บุคลากร และเทคโนโลยีดิจิตอลที่จำเป็นต่อการพัฒนาศูนย์ทดสอบด้านอุปกรณ์และระบบอัจฉริยะครบวงจรในลักษณะของการนำทรัพยากรของเอกชนมารวมกัน เพื่อเปิดให้บริการกับประชาชน สถาบันการศึกษา และธุรกิจขนาดเล็ก ได้มีโอกาสเข้าถึงอุปกรณ์ เครื่องมือ และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างนวัตกรรมดิจิตอลได้อย่างทั่วถึง
นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่รอการจัดตั้งสถาบันไอโอที จะมีการสร้างเครือข่ายพันธมิตรไอโอที โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆ ตลอดจนภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ มาร่วมประชุม เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เนื่องจากสถาบันไอโอทีแห่งนี้ จะเป็นศูนย์วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะและเป็นอาคารแรกของอีอีซีดี ในการดึงความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศเข้ามาดำเนินการ ตลอดจนเป็นศูนย์ทดสอบนวัตกรรมดิจิตอล
โดยเฉพาะด้านไอโอทีและระบบอัจฉริยะให้กับธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งจะมีการร่วมกับธุรกิจดิจิตอลระดับโลกสร้างอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ไอโอที และอุปกรณ์อัจฉริยะในประเทศ พร้อมกับถ่ายทอดเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติให้กับโรงงานขนาดเล็กให้เป็นโรงงานต้นแบบของอุตสาหกรรม 4.0 จำนวน 5 โรงงาน
อีกทั้ง จะร่วมกับนักลงทุนในประเทศและธุรกิจดิจิตอลระดับโลกยกระดับโลกยกระดับรายได้ของเกษตรกรมันสำปะหลังในอีอีซี จำนวน 1 หมื่นครอบครัว ด้วยการใช้ระบบสมองกลอัจฉริยะ คาดการณ์ผลผลิต วิธีและขั้นตอนการเพาะปลูก เชื่อมโยงแหล่งรับซื้อผลผลิต
“ระหว่างนี้ก็มีการหารือกับนักลงทุนจากต่างประเทศที่มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนกว่า 10 รายได้ อีกทั้งมีแผนที่จะออกไปทำโรดโชว์ด้วยเพื่อที่จะหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุน เพราะในสถาบันไอโอทีมีหลายสาขา ที่จะส่งเสริมแต่ระยะแรกจะเริ่มกับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ก่อน เนื่องจากพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญ”
ทั้งนี้ หากสถาบันไอโอทีเกิดขึ้นได้จะก่อให้เกิดฐานการผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนไอโอที ระดับไฮเอนด์ของโลกที่ช่วยลดมูลค่าการนำเข้าอุปกรณ์และชิ้นส่วนจากต่างประเทศได้ปีละไม่ตํ่ากว่า 6 หมื่นล้านบาทสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจไม่น้อยกว่าปีละ 2,500 ล้านบาทต่อปี
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,331 วันที่ 14 - 17 มกราคม พ.ศ. 2561