เกษตรกรลำทับ กระบี่ ฟื้นพื้นที่ปลูกกาแฟหลังปาล์ม-ยางราคาตก ชี้ราคาดี กก.ละ 100 บาท แถมต่อยอดเป็นกาแฟขี้ชะมดเพิ่มมูลค่า
นายพิศิษฏ์ เป็ดทอง ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรตำบลดินแดง อ.ลำทับ จ.กระบี่ เปิดเผยว่า
อำเภอลำทับเมื่อ 10 ปีก่อน มีพื้นที่ปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้า เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้รองจากจังหวัดชุมพร แต่ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานและราคาตกตํ่า เจ้าของสวนกาแฟจึงต้องเปลี่ยนจากสวนกาแฟไปปลูกพืชอย่างอื่น เหลือเพียงไม่กี่รายที่ยังมีสวนกาแฟ รวมทั้งตนเองก็ยังมีสวนกาแฟอยู่ 15 ไร่
“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เกษตรกรลำทับเริ่มกลับมาทำสวนกาแฟกันใหม่คนละไม่กี่ไร่ ตามกำลังของแรงงานภายในครอบครัว เหตุผลเพราะพื้นที่ในอำเภอลำทับทุกแห่งมีความเหมาะสมสำหรับปลูกกาแฟ และขณะนี้ราคาเมล็ดกาแฟขยับสูงขึ้นจากกก.ละ 50-60 บาท เป็น กก.ละ 90-100 บาท และตลาดรับซื้อเมล็ดกาแฟก็กว้างขวางขึ้นมาก จากที่มีบริษัทผลิตกาแฟพร้อมดื่มระดับยักษ์ใหญ่ในประเทศไทยอยู่หลายบริษัท ประกอบกับคนไทยนิยมดื่มกาแฟมากขึ้น สังเกตจากมีร้านกาแฟเพิ่มขึ้นจำนวนมากทั้งในกรุงเทพมหานครและในส่วนภูมิภาคทุกจังหวัด”
ผู้อำนวยการศูนย์ฯ กล่าวต่อว่า การที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรอำเภอลำทับหันมาปลูกกาแฟหรือทำสวนกาแฟขึ้นมาใหม่นั้น เริ่มต้นจากการทำสวนกาแฟด้วยแรงงานในครอบครัวเพื่อให้คลายความกังวลในเรื่องการขาดแคลนแรงงานและถ้าราคาเมล็ดกาแฟยังไม่ตกตํ่าก็จะดึงดูดให้ผู้ทำสวนกาแฟเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกขึ้นอย่างแน่นอน
“ขณะนี้ราคายางพาราและปาล์มนํ้ามันยังแกว่งตัวลงอย่างต่อเนื่องทำให้การทำสวนกาแฟเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ หากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนกันอย่างจริงจัง ผมคิดว่าสวนกาแฟในอำเภอลำทับน่าจะกลับฟื้นมาเท่ากับอดีตอย่างแน่นอน หรือชาวสวนกาแฟต้องการจะเพิ่มมูลค่าโดยการทำกาแฟขี้ชะมด แบบที่ผมทำอยู่ โดยการจัดหาชะมดหรือทางภาคใต้เรียกมูสังหอมมาเลี้ยงและผลิตกาแฟขี้ชะมด ซึ่งจำหน่ายได้ราคาเพิ่มจากกาแฟปกติได้มากพอสมควร ตามข่าวที่มีสื่อมวลชนเสนอไปบ้างแล้ว”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,307 วันที่ 22 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560