“ไร่ทองพิกุลดาวเรือง” น้อมนำคำในหลวงรัชกาลที่ 9 พลิกชีวิตสู่เส้นทางเกษตรกร เพาะกล้าดาวเรืองป้อนผู้ค้าคลอง 15 บางใหญ่ ภาคใต้ เผยช่วงใกล้งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ ขายดีราคาพุ่งจาก 6-8 บาทต่อต้นเป็น 20-25 บาท พลิกประวัติศาสตร์ขายดีที่สุด
นายวีรพงษ์ ทองพิกุล เจ้าของไร่ทองพิกุลดาวเรือง ที่อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ประกอบการธุรกิจเพาะพันธุ์กล้าดาวเรือง ขนาดตั้งแต่ 5-20 ไร่ โดยมีพื้นที่เพาะกล้าเองและเพาะกล้าดาวเรืองให้ลูกสวนดาวเรืองในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งตามภาวะปกติจะมีรายได้หลักจากการเพาะพันธุ์ดาวเรืองเพื่อไว้สำหรับตัดดอกขาย
[caption id="attachment_220491" align="aligncenter" width="377"]
วีรพงษ์ ทองพิกุล[/caption]
แต่ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ อยู่ในช่วงที่มีงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทำให้ต้องหันมาเพาะดาวเรืองต้นใส่ถุงดำเพื่อลงกระถาง ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดมาก และขายได้ราคาดีกว่าตัดดอกเพื่อนำไปทำเป็นพวงมาลัย โดยดาวเรืองต้นมีราคารับซื้อขายหน้าสวนตั้งแต่ 20-25 บาทต่อต้น (ราคาขายปลีกมีตั้งแต่ต้นละ30-50 บาท ขึ้นอยู่ในแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัด) เทียบกับราคาในช่วงปกติอยู่ที่ 6-8 บาทต่อต้น ขณะที่ราคาขายแบบดอกช่วงนี้ร่วงจากราคา 50 สตางค์ถึง 2 บาท ต่อดอก อยู่ที่ราคาแบบคละไซซ์มีตั้งแต่ 35-40 สตางค์ต่อดอก
“ช่วงนี้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการขาย เพราะราคาแบบตัดดอกขาย สวนทางกับราคาดาวเรืองแบบต้นลงกระถาง ที่คนซื้อไปประดับ ตบแต่งตามสถานที่ต่างๆเพื่อแสดงความจงรักภักดี ถวายในหลวงรัชกาลที่9 ทำให้ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ไร่ทองพิกุลดาวเรือง สามารถขายต้นดาวเรืองได้มากถึง 35,000 ต้น นับว่ามากที่สุดตั้งแต่ทำกิจการนี้มา โดยมีฐานลูกค้าจากผู้ค้าคลอง 15 อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ย่านบางใหญ่จังหวัดนนทบุรี และในพื้นที่ภาคใต้บางจังหวัด”
นายวีรพงษ์กล่าวอีกว่า ในช่วงฤดูฝน ดาวเรืองชนิดตัดดอกขาย จะดูแลยาก เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่ดอกถูกฝน ทำให้ดอกเน่า และเป็นเชื้อรา พอปรับแผนในช่วงนี้ถือว่าได้โชคหลายชั้น ทั้งได้ราคาดี และไม่เสี่ยงต่อดอกเน่าเสีย อีกทั้งการขายดาวเรืองในช่วงนี้ทำให้ไร่ทองพิกุลดาวเรือง เป็นที่รู้จักมากขึ้นสามารถต่อยอดการขายได้ โดยปัจจุบันกิจการเปิดหน้าเพจเฟซบุ๊ก “ดาวเรืองสุพรรณ” และมีไอดีไลน์ตามเบอร์ติดต่อ 08-9044-4349
“ผมมีความปลาบปลื้มใจที่เกิดเป็นคนไทย เพราะพระองค์(ในหลวงร.9)ทรงสร้างรากฐานให้เกษตรกร และเป็นผู้ชี้แนวทางว่าอาชีพเกษตรกรคืออาชีพที่ยั่งยืน โดยส่วนตัวผมทำงานโรงงานมาก่อน สุดท้ายก็หันหัวเรือมาสู่อาชีพเกษตรกรเต็มตัวเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มองว่าเกษตรกรเป็นเรื่องของทุกคน เกี่ยวข้องกับอาหารที่ทุกคนต้องบริโภค เป็นอาชีพที่ยั่งยืน ซึ่งจากนี้ไปก็จะยึดอาชีพเกษตรกรไปตลอด”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,306 วันที่ 19 - 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560