ทรานส์ฟอร์ม “ไอ-โมบาย” เปลี่ยนชื่อใหม่ “สามารถดิจิตอล”

08 ต.ค. 2560 | 05:42 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ต.ค. 2560 | 12:42 น.
เป็นเพราะ “กลุ่มสามารถคอร์ปอเรชั่น” มีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยเฉพาะสายโมบาย มัลติมีเดีย ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกิจการจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่มีการแข่งขันสูง ส่งผลให้ผลประกอบการปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ ผลประกอบการในไตรมาส 2/2560 บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) หรือ SIM มีรายได้รวมอยู่ที่ 329 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 482 ล้านบาท หรือ 59.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้จากสายธุรกิจโมบาย เนื่องจากการแข่งขันที่สูงในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ประกอบกับ เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว และการลดลงของรายได้ของธุรกิจ NonMobile นั่นจึงเป็นที่มา กลุ่มสามารถ คอร์ปอเรชั่น ได้ทรานฟอร์มสายธุรกิจโมบาย มัลติมีเดีย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อพัฒนาประเทศมุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0

[caption id="attachment_215355" align="aligncenter" width="503"] วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บอกว่า ได้เปลี่ยนชื่อ “สามารถ ไอ-โมบาย” เป็น บริษัท สามารถ ดิจิตอลฯ (SAMART Digital) การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองสู่การเป็น Samart Digital Life เพื่อพัฒนาบริการใหม่ตามแนวโน้มของโลก และตามแผนยุทธศาสตร์ ดิจิตอล ไทยแลนด์ ของภาครัฐที่มุ่งเน้นการวางรากฐานด้านโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากร นำไปสู่ประเทศไทย 4.0 ดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม


- แบ่งโครงสร้าง 5 สายหลัก -
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างสายงานสามารถ ดิจิตอล แบ่งโครงสร้างธุรกิจเป็น 5 สายหลัก อันได้แก่ Digital Network ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการสื่อสารผ่านระบบดิจิตอล ได้เซ็นสัญญาโครงการติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายวิทยุคมนาคมระบบดิจิตอล (DTRS Digital Trunked Radio System) สถานีฐานจำนวน 1,000 แห่ง มูลค่า 6,000 ล้านบาท ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในนาม “เอสไอเอสซี คอนซอร์เตียม” (สามารถ ไอ-โมบาย และสามารถ คอมมิวนิเคชั่น) เพื่อขยายขีดความสามารถในการให้บริการโครงข่าย DTRS และเพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานของผู้ใช้บริการในพื้นที่ที่มีความต้องการได้อย่างเพียงพอ


MP20-3302-A

โดย SAMART Digital จะมีรายได้จากการขายเครื่องลูกข่าย รวมถึงการทำตลาดในลักษณะ Private Network และการให้บริการข้อมูลในรูปแบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าจากการขายเครื่องที่ 1-1.5 แสนตัว และรายได้ที่ 3,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2-3 ปี จากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นองค์กรภาครัฐที่เน้นการสื่อสารทางไกล เป็นกลุ่มใหญ่ และต้องการความปลอดภัยในการสื่อสาร นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการความร่วมมือกับ กสท ในการติดตั้งเสาสัญญาณร่วมในเขตอุทยานแห่งชาติ (Co-Tower) ซึ่งจะเห็นความคืบหน้าในปลายปีนี้

สายงานที่ 2 Digital Content ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Digital Lifestyle” โดยคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยม อาทิ EDT นอกจากให้ข้อมูลเรื่องกิน ดื่ม เที่ยว แล้ว ยังมีบริการวางแผนท่องเที่ยวแบบครบวงจร มีบริการส่งอาหารและส่วนลด ในอนาคตจะนำเสนอคอนเทนต์ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติด้วย ด้าน Horowold แหล่งรวมหมอดูที่มากที่สุด ที่สามารถดูได้ทุกศาสตร์ ทั้งลายมือ โหงวเฮ้ง ตัวเลข ฯลฯ โดยจะพุ่งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่นิยมดูดวง และหาซื้อสินค้าเสริมมงคลต่าง ๆ ด้วย


- มุ่งสู่ “ดิจิตอล สปอร์ต -
ขณะที่ สายงาน iSport มุ่งสู่ความเป็น Digital Sport ที่ดำเนินธุรกิจกีฬาครบวงจร สอดรับกับเทรนด์ยุคดิจิตอลและการเข้าสู่ยุคของกีฬาและสุขภาพ ซึ่งนอกจากได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดสัญญาณไทยพรีเมียร์ลีก 600 กว่าแมตช์ในแต่ละปีแล้ว ยังทำธุรกิจ Sport Tour ให้กับแฟนกีฬาที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว, Sport Event เป็นผู้จัดกิจกรรมด้านกีฬาและบันเทิง ล่าสุด จัดกิจกรรม Meet&Greet ดาราเกาหลีชื่อดังและคอนเสิร์ตใหญ่ “ปั่น-บี” ในเร็ว ๆ นี้, Sport E-Commerce นำเสนอสินค้ากีฬาทาง isportmart.com และธุรกิจ Talent Management ที่ให้บริการบริหารสิทธิประโยชน์แก่นักกีฬาแบบครบวงจร

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01-3-4
- รุกออนไลน์ -
ขณะที่ ซีแอสเซ็ท (Zazzet) ธุรกิจ Startup ที่ให้บริการขายฝากสินทรัพย์ออนไลน์ ผ่านเว็บ Zazzet (ซีแอสเซ็ท) จุดเด่น คือ มีบริการจับคู่ทรัพย์สินกับผู้รับซื้อฝาก ผ่านระบบการยื่นข้อเสนอราคา (Online Matching) ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มให้บริการแล้ว

และสายงานสุดท้าย คือ iOT ดำเนินธุรกิจจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์เสริม หรือ Gadget ที่ตอบโจทย์ดิจิตอลไลฟ์สไตล์ ด้วยคุณสมบัติเด่นทางด้านความปลอดภัย, การดูแลสุขภาพและอื่น ๆ ซึ่งกลุ่มสามารถมีความชำนาญจากบริษัทในเครือที่มีประสบการณ์ด้านนี้ อย่าง บริษัท วิชั่น แอนด์ ซีเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด ที่พร้อมทำงานร่วมกัน

“การก้าวสู่ยุคดิจิตอลนี้ เป็นโอกาสของการขยายผลและเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ๆ ‘สามารถ ดิจิตอล’ จะได้รับผลบวกจากการผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ดังนั้น การกลับมาในครั้งนี้ของ ‘สามารถ ดิจิตอล’ จะแข็งแกร่งขึ้นและพร้อมจะรุกธุรกิจใหม่ ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของกลุ่มสามารถในปีต่อ ๆ ไป” นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้าย

การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ถือว่า เป็นบทบาทสำคัญของ “วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์” ในฐานะผู้ถือธงนำทัพธุรกิจ เพื่อนำไปสู่เป้ารายได้จำนวน 20,000 ล้านบาท ในปีนี้

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,302 วันที่ 5-7 ต.ค. 2560

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-3