จ่อคลอดกฎหมายนํ้า แบ่ง 3 กลุ่ม ใครใช้ต้องจ่ายเงิน มอบอำนาจกรรมการลุ่มนํ้ากำหนด อีสท์วอเตอร์ชี้ต้นทุนนํ้าดิบพุ่งทันที 6 เท่า เอกชนไม่หวั่นราคา ห่วงไม่มีนํ้าให้ใช้ เครือข่ายประชาชนร้องล้มกฎหมาย หวั่นขายโควตา
ตามที่รัฐบาลเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพยากรนํ้า พ.ศ. .....ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณา หากมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรนํ้าทั้งหมด อยู่ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ(กนช.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีหลักการใครใช้นํ้าสาธารณะต้องรับภาระค่าใช้จ่าย นั้น
นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรนํ้า ในฐานะเลขานุการ กนช.เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรมยกร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรนํ้า พ.ศ. ...มาตั้งแต่ปี 2545 เพื่อให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงนํ้าอย่างเท่าเทียมกัน โดยมีแหล่งนํ้าธรรมชาติทั่วประเทศ 364,147 แห่ง ปริมาณนํ้า 17,247 ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้เพื่อการเกษตรที่มีพื้นที่รวม 149 ล้านไร่ เป็นเกษตรกร 11 ล้านครัวเรือน ใน 25 ลุ่มนํ้าเป็นส่วนใหญ่ นอกจากทำเกษตรเพื่อยังชีพแล้ว ยังมีเกษตรเชิงพาณิชย์ ภาคอุตสาหกรรม การประปา รีสอร์ต ต่างสูบนํ้าสาธารณะไปใช้ในกิจการตนเอง
“ตามร่างกฎหมายใหม่ นํ้าสาธารณะ หมายถึง แม่นํ้า ลำคลอง ทางนํ้า บึง แหล่งนํ้าใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งนํ้าตามธรรมชาติอื่นๆ ทั้งที่รัฐจัดสร้างขึ้นหรือพัฒนาขึ้น เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน มีสิทธิ์ใช้เท่าที่จำเป็น และเก็บกักนํ้าได้ แต่ต้องไม่เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนหรือเสียหายแก่บุคคลอื่น มีทั้งหมด 9 หมวด 100 มาตรา มีการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรนํ้าที่เป็นธรรมและเหมาะสม และอุดช่องโหว่จากส่วนที่กฎหมายชลประทานและนํ้าบาดาลครอบคลุมไม่ถึง”
สำหรับกลุ่มผู้ใช้นํ้า แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ใช้นํ้าเพื่อการดำรงชีพ ไม่ต้องเสียค่าใช้นํ้า กลุ่มที่ 2 การใช้นํ้าเพื่อประกอบธุรกิจการเกษตร เลี้ยงสัตว์ เพื่อการพาณิชย์ เสียค่านํ้าอัตราลูกบาศก์เมตรละไม่เกิน 50 สตางค์ การอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาหรือกิจการอื่น เก็บค่านํ้าในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 1-3 บาท และกลุ่มการใช้นํ้าประเภทที่ 3 สำหรับกิจการขนาดใหญ่ ได้แก่ สนามกอล์ฟ โรงไฟฟ้า นิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจขายนํ้าดิบเชิงพาณิชย์ จะเก็บค่านํ้าอัตราลูกบาศก์เมตรละ 3 บาท โดยมีคณะกรรมการลุ่มแม่นํ้า 25 ลุ่ม กำหนดการจัดสรรนํ้าโควตาแต่ละกลุ่มประเภทผู้ใช้นํ้า และอัตราจัดเก็บภายในลุ่มนํ้าของตนเอง ภายใต้เพดานค่าจัดเก็บที่กำหนด
“บทลงโทษหากผู้ใดในกลุ่มที่ 2 ฝ่าฝืน ใช้นํ้าโดยไม่ขออนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกลุ่มผู้ใช้นํ้าประเภทที่ 3 หากไม่ขออนุญาตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1-3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนโทษหนักสุดหากโรงงาน อุตสาหกรรมใดทำให้คุณภาพนํ้าเสีย เป็นพิษต่อระบบนิเวศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ด้านนายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือยูยู ผู้ดำเนินกิจการผลิตนํ้าประปาแบบครบวงจรในเครือบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรนํ้าภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด หากกฎหมายนํ้าใหม่ประกาศใช้ ยูยูในฐานะผู้ผลิตนํ้าประปาครบวงจร และอีสท์ วอเตอร์ บริษัทแม่ ผู้ผลิตนํ้าดิบ ก็จะได้รับผลกระทบ มีต้นทุนใหม่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันอีสท์ วอเตอร์ ใช้นํ้าในอ่างเก็บนํ้าต่างๆ ในจังหวัดระยอง เช่น อ่างเก็บนํ้าหนองปลาไหล อ่างเก็บนํ้าดอกกราย โดยจ่ายค่านํ้าดิบให้กับกรมชลประทาน ในอัตราลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม) ละ 50 สตางค์ แต่ถ้าใช้นํ้าจากแหล่งนํ้าธรรมชาติ เช่น แม่นํ้าเจ้าพระยา แม่นํ้าแม่กลอง หรือทางนํ้าสาธารณะ ที่ไม่ได้ประกาศเป็นทางนํ้ากรมชลประทาน ก็ขออนุญาตใช้แต่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งต่อไปต้องจ่ายค่านํ้าจากแหล่งนํ้าสาธารณะลบ.ม.ละ 3 บาท หรือสูงขึ้น 6 เท่า ต้องดูว่าการกำหนดสิทธิ์เก็บค่านํ้าดิบขึ้นอยู่กับใคร ระหว่างกรมชลประทาน กรมทรัพยากรธรรมชาติฯ และท้องถิ่น ว่าใครจะเป็นเจ้าภาพ ในการดูแลแหล่งนํ้าไหนบ้าง
ด้านนายพรศิลป์ พัชรินทร์ ตนะกุล ที่ปรึกษาสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยว่า กฎหมายฉบับนี้มีความเสี่ยงกับภาคธุรกิจ เพราะหากปีไหนปริมาณนํ้าน้อย การจัดสรรโควตานํ้าก็จะลดน้อยลง บางปีอาจจะเสี่ยงถึงขั้นไม่ต่อใบอนุญาตให้ใช้นํ้าได้ ธุรกิจจะมีนํ้าไม่เพียงพอจะสะดุดแน่นอน อาจจะถึงขั้นเจ๊ง ส่วนค่านํ้า-ค่าธรรมเนียมไม่ใช่ปัญหา
แหล่งข่าวจากสถาบันนํ้าเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อยากให้ปรับสัดส่วนคณะกรรมการที่มีจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมาภาคเอกชนถูกระบุเป็นคนใช้นํ้ามาก นอกจากนี้กฎหมายระบุกรณีเกิดภัยแล้ง ภาคอุตสาหกรรมที่ได้ลงทุนสร้างบ่อกักเก็บนํ้าไว้จะต้องแบ่งปันนํ้าไปใช้ในส่วนอื่นโดยไม่ได้รับการชดเชย ขอความเป็นธรรมว่าต้องจ่ายชดเชยบ้าง ไม่เช่นนั้นต่างชาติอาจไม่กล้ามาลงทุน ส่วนเกษตรกรที่ไม่มีการจัดเก็บค่านํ้าก็ควรให้มีการติดตั้งมิเตอร์วัดการใช้นํ้าเพื่อบริหารจัดการนํ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ขณะที่นายสายัณห์ ข้ามหนึ่ง เครือข่ายประชาชนลุ่มนํ้าภาคเหนือ เผยว่า เครือข่ายทุกภาคเรียกร้องให้กรมทรัพยากรนํ้า ถอนร่างกฎหมายนี้จากสนช.ออกมาก่อน เพื่อรับฟังความคิดเห็นใหม่ เพราะไม่แน่ใจว่าใช้ร่างไหนกันแน่ ทั้งไม่ควรคิดค่านํ้ากับชาวนา และที่เลวร้ายสุดคือการให้โอนใบอนุญาต จะเกิดธุรกิจขายโควตาจัดสรรนํ้าในอนาคต
นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เพราะส่วนใหญ่จะซื้อนํ้าประปา หรือใช้นํ้าบาดาล ซึ่งต้องขออนุญาต ไม่ได้เอานํ้าจากแหล่งนํ้าสาธารณะ เช่น แม่นํ้า ทะเลสาบ บึงหนอง มาใช้ เพราะต้องลงทุนระบบบำบัดให้ได้มาตรฐาน ซึ่งมีต้นทุนสูงกว่า
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,293 วันที่ 3 - 6 กันยายน พ.ศ. 2560