‘คาเนโบ’คืนตลาดไทย จัดพอร์ตเสริมแกร่ง ตั้งเป้าติดTop 10

17 มิ.ย. 2560 | 04:45 น.
“คาเนโบ” รีเทิร์นรุกตลาดเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์เมืองไทย ชูกลยุทธ์ตลาดครบเครื่อง ทั้งจัดพอร์ตสินค้าใหม่ เพิ่มแบรนด์ซุยไซ(suisai) สรรหาโปรดักต์ฮีโร่ ดันยอดแต่ละปี ปรับโฉมจุดจำหน่าย-เพิ่มร้านแฟล็กชิพ และขยายช่องทางอี-คอมเมิร์ซ หวังโกยยอดขาย1,000ล้านบาทภายในปี 2563

ชื่อเสียงของเครื่องสำอางแบรนด์คาเนโบ (KANEBO) เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในหมู่สาวไทยมาเป็นระยะเวลานานกว่า15 ปี แต่ที่ผ่านมาจากสภาพการแข่งขันของธุรกิจเครื่องสำอางที่รุนแรง จากแบรนด์จำนวนมากและหลากหลาย รวมถึงผู้บริโภคมีพฤติกรรมการซื้อและเลือกใช้เครื่องสำอางที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลทำให้แบรนด์คาเนโบได้รับผลกระทบ จากที่เคยติดอันดับ1 ใน 10 เครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์กลุ่มเพรสทีจหรือกลุ่มพรีเมียม ก็หล่นมารั้งอันดับ13-14 แต่นับจากนี้ “คาเนโบ”มีเป้าหมายที่จะกลับมาติดอันดับTop 10 ภายในระยะ 3 ปีหรือภายในปี 2563 และมียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท เส้นทางการรีเทิร์นสู่สมรภูมินี้ จะเป็นอย่างไรน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

[caption id="attachment_162121" align="aligncenter" width="377"] มาซาทากะ อิมูระประธานกรรมการ บริษัท คาเนโบคอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด มาซาทากะ อิมูระประธานกรรมการ บริษัท คาเนโบคอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด[/caption]

โดยนายมาซาทากะ อิมูระประธานกรรมการ บริษัท คาเนโบคอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าบริษัทวางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจภายในปี 2563 จะทำยอดขายให้ได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตไม่ตํ่ากว่าปีละ 10% ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทได้วางเป้าหมายยอดขายไว้ 600 ล้านบาท แต่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายเนื่องจากสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ส่วนปีนี้คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะเดียวกันต้องการมียอดขายติดอันดับท็อป 10 ในกลุ่มเครื่องสำอางเพรสทีจ จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 13-14

สำหรับแนวทางหรือกลยุทธ์เพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว บริษัทได้เตรียมแผนธุรกิจ ได้แก่ การสร้างแบรนด์คาเนโบให้มีความแข็งแรงและจัดพอร์ตแบรนด์ในเครือให้มีความชัดเจน การชูสินค้าที่เป็นฮีโร่ไอเทม ในการทำตลาดแต่ละปี การเพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ ได้แก่ แบรนด์ซุยไซ (suisai)ซึ่งเป็นกลุ่มพรีเมียมแมส เพื่อใช้สำหรับเป็นสินค้าเรือธงในการบุกตลาดอาเซียน การปรับโฉมเคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้า การเพิ่มร้านแฟล็กชิพ และการขยายช่องทางจัดจำหน่ายสู่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ

ในช่วงปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวแบรนด์คาเนโบ จากเดิมที่มีแบรนด์ลูนาโซและอิมเพรส ที่ถือว่าเป็นแบรนด์กลุ่มเพรสทีจจัดจำหน่ายผ่านช่องทางเคาน์เตอร์ของห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีแผนที่จะนำ 2 แบรนด์ดังกล่าวปรับให้เป็นแบรนด์คาเนโบมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะยังคงแบรนด์ลูนาโซไว้เช่นเดิม ส่วนแบรนด์เคทซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางยังคงจัดจำหน่ายผ่านช่องทางดรักสโตร์ซึ่งบริษัทวางภาพลักษณ์ให้ทั้ง 2แบรนด์ให้เป็นแบรนด์ระดับสากลหรือโกลบัลแบรนด์

ล่าสุด บริษัทยังได้ทดลองจำหน่ายผลิตภัณฑ์สกินแคร์แบรนด์ใหม ? “ซุยไซ” เนื่องจากได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นสินค้าขายดีที่สุดในกลุ่มสกินแคร์ทุกแบรนด์ที่วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทได้เริ่มทดลองวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาประมาณ 10 รายการในร้านซูรูฮะ วัตสัน และมัตสึโมโตะ รวม 45 แห่ง ซึ่งประสบความสำเร็จเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ จึงมีแผนที่จะนำแบรนด์สินค้าดังกล่าวออกไปทำตลาดในอาเซียนด้วย ปัจจุบันแบรนด์ซุยไซมีวางจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่นที่ประเทศไทยและไต้หวัน

โดยแนวทางการไปสู่เป้าหมายที่วางไว้นั้น จะต้องมีการลงทุนในด้านการโปรโมตแบรนด์ให้มีความแข็งแรงและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยจะลงทุนในปีนี้และในอนาคตผ่าน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การลงทุนในสื่อออนไลน์ การสร้างแฟล็กชิพสโตร์ และการสร้างโปรดักต์ฮีโร่ไอเทม เพื่อผลักดันให้แบรนด์คาเนโบและเคทเป็นแบรนด์อันดับ1 ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนด้วย

[caption id="attachment_162132" align="aligncenter" width="272"] ‘คาเนโบ’คืนตลาดไทย จัดพอร์ตเสริมแกร่ง ตั้งเป้าติดTop 10 ‘คาเนโบ’คืนตลาดไทย จัดพอร์ตเสริมแกร่ง ตั้งเป้าติดTop 10[/caption]

ส่วนช่องทางการจัดจำหน่วยในปัจจุบันบริษัทมีรวมกว่า300 แห่งทั่วประเทศไทย เป็น เคาน์เตอร์ของแบรนด์คาเนโบ74 แห่ง ส่วนที่เหลือเป็นแบรนด์เคทที่อยู่ในช่องทางร้านดรักสโตร์โดยเคาน์เตอร์คาเนโบได้เริ่มเปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์ใหม่ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจำนวน 10 แห่ง และพิจารณาดูเคาน์เตอร์ในห้างเพื่อพัฒนาเป็นร้านแฟลกชิพสโตร์ขณะที่แบรนด์เคทมีแผนพัฒนาจุดจำหน่ายในร้านดรักสโตร์ให้เป็นแฟล็กชิพสโตร์ด้วยเช่นกัน

นายอิมูระ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการพัฒนาแบรนด์ให้มีความแข็งแรงและมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้บริษัทจะขยายเข้าสู่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซอย่างจริงจัง เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันหันไปหาข้อมูลความรู้ข่าวสารในช่องทางดังกล่าว แต่ขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ช่องทางอี-คอมเมิร์ซควบคู่กันไปด้วย ซึ่งขณะนี้เตรียมพัฒนาเว็บไซต์เพื่อใช้เป็นช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า โดยวางเป้าหมายเฟสแรกให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้

“บริษัทต้องสื่อแบรนด์อิมเมจ แบรนด์คอนเซ็ปต์ ให้ผู้บริโภคเข้าใจ ถ้าทำให้แข็งแรงไม่ว่าเทรนด์จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรแบรนด์จะอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ สิ่งหนึ่งที่จะสร้างแบรนด์อิมเมจให้ได้ จะต้องสร้างแฟล็กชิพสโตร์ เป็นร้านที่ทำให้ลูกค้ามาสัมผัสกับโลกของแบรนด์ที่สร้างขึ้น การสื่อสารจะใช้อินเตอร์เน็ตและโลกโซเชียลสื่อไปถึงผู้บริโภค กลยุทธ์อีกอย่างหนึ่ง คือ ฮีโร่ ไอเทม เพื่อให้คนเข้ามาใช้สินค้าดังกล่าวเป็นสิ่งแรก และเข้าใจในแบรนด์สินค้านั้นๆ สินค้าเหล่านี้จะทำให้ผู้บริโภครู้จักกับโลกของคาเนโบสร้างขึ้น”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,270 วันที่ 15 - 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560