‘กสิพันธารัต’ เจาะ CLMV ส่งออกสินค้านวัตกรรม

04 เม.ย. 2560 | 02:00 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2560 | 21:08 น.
“กสิพันธารัต” มุ่งขายสินค้าเอสเอ็มอีที่มีนวัตกรรมกลุ่มรองเท้า เกษตรและอุปกรณ์ประมงเกือบ 10ผลิตภัณฑ์ ตั้งเป้าปี 60 เน้นโฟกัสตลาด CLMV ยอมรับรองเท้าแข่งแรง

นางสาวปิยวรรณ จิราวรรณสถิตย์ ผู้จัดการฝ่ายขายและต่างประเทศ และนางอรวรรณ พฤกษานุบาลผู้จัดการฝ่ายการตลาดรวมบริษัท กสิพันธารัต จำกัด ร่วมกัน เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันเป็นบริษัทเทรดดิ้งโดยซื้อสินค้าจากธุรกิจครอบครัว ที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเอสเอ็มอีที่มีนวัตกรรม มีการคิดค้นการผลิตและรูปแบบดีไซน์ที่ทันสมัยเป็นที่ต้องการของตลาด ขายในประเทศและส่งออก เกือบ 10 ผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ 1.กลุ่มสินค้านวัตกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ 2.กลุ่มสินค้านวัตกรรมทางการเกษตรและอุปกรณ์ประมง โดยแผนการขายปี 2560 บริษัทจะให้ความสำคัญต่อตลาดส่งออกมากขึ้น จะโฟกัสไปที่ตลาด CLMV (กัมพูชา ลาวเมียนมา และ เวียดนาม) และตะวันออกกลางจากที่ผ่านมาสินค้ามีขายใน 26 ประเทศทั่วโลก โดยมองว่าตลาด CLMV เป็นตลาดที่กำลังเติบโต สะดวกในการขนส่ง ตั้งเป้าว่าอีก 5ปีนับจากนี้ไปสัดส่วนส่งออกจะเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 50%

โดยกลุ่มสินค้านวัตกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์เช่น รองเท้าเรดแอปเปิ้ล รุ่นยับยั้งแบคทีเรีย ป้องกันเชื้อโรคโดยนำเทคโนโลยีนาโนซิลเวอร์ (Nano Silver)มาพัฒนา สำหรับใช้ในโรงพยาบาลและในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร, รองเท้าเรดแอปเปิ้ลรุ่นตีนหมี ที่มาจากแรงบันดาลใจทำให้ยิ้มได้ สนุกมีความสุขมีชื่อเสียงโด่งดัง, รองเท้าเรดแอปเปิ้ล รุ่นหน้าเป็ด กลุ่มนี้ส่งออกไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลกแล้ว, รองเท้าเรดแอปเปิ้ลรุ่นหมวดกันน็อก ออกแนวสปอร์ตเหมาะกับกีฬากลางแจ้ง และรองเท้าเรดแอปเปิ้ลรุ่นผสมยางพารา เป็นนวัตกรรมผลิตรองเท้าที่ต้องการช่วยเกษตรกรไทยที่ปลูกยางพารา นำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตพื้นรองเท้าที่เพิ่งวางจำหน่ายเมื่อปี 2558

“รองเท้ายางพาราผสมพลาสติกเรามีนวัตกรรม มีทีมวิจัยและพัฒนาที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านพลาสติก เป็นรองเท้าที่มีความยืดหยุ่นได้ อุ้มรับฝ่าเท้า รักษาสุขภาพเท้า งานดีไซน์ทันสมัย สวมใส่สบาย มีตัวกันลื่น โดยรองเท้าเรดแอปเปิ้ลเป็นที่นิยมมากในต่างจังหวัดส่วนในต่างประเทศเช่น เมียนมาสปป.ลาว เวียดนามก็ขายดี โดยรวมกลุ่มรองเท้าจะขายในประเทศ80% และส่งออก 20%”

ปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์รองเท้าที่จำหน่ายมีราคาขายปลีกตั้งแต่คู่ละ 199-399 บาทต่อคู่และยอมรับว่าการแข่งขันมีความยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากมีสินค้าจากจีนเข้ามาตีตลาดเยอะและขายในราคาถูกกว่า แต่คุณภาพต่างกัน โดยตลาดในประเทศสินค้าที่ขายจะมีที่โลตัสและช็อปต่างๆ ตามร้านทั่วไปเป็นสินค้าที่เจาะตลาดกลางและล่าง ส่วนในต่างประเทศจะมีวางขายในห้างล็อตเต้ หรือบิ๊กซี และในช็อปใหญ่ๆ ที่เป็นสินค้านำเข้าโดยสินค้าในต่างประเทศจะเจาะตลาดบนและกลาง

ส่วนกลุ่มสินค้านวัตกรรมทางการเกษตร และอุปกรณ์ประมง เช่น เทปนํ้าหยด “ไทยธารา” ช่วยเกษตรกรประหยัดนํ้า มีทั้งชนิดแบน และกลม กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกอ้อย มันสำปะหลังพืช ผัก ผลไม้ ชนิดต่างๆ ส่วนอุปกรณ์เติมอากาศพร้อมใช้“บับเบิ้ลสตาร์” สำหรับใช้ในบ่อเลี้ยงกุ้งและปลา และใช้สำหรับบ่อบำบัดนํ้าเสีย เป็นอุปกรณ์ที่เลี้ยงสัตว์นํ้าได้หนาแน่นมากขึ้นจากเดิมเคยเลี้ยงกุ้ง 1 แสนตัวต่อไร่ก็เพิ่มเป็น 3 แสนตัวต่อไร่ทำให้สัตว์นํ้าแข็งแรง ออกซิเจนที่ออกมาจะมีค่าออกซิเจนสูง เป็นที่นิยมในตลาดมาเลเซีย เวียดนามฟิลิปปินส์ บราซิล ปานามา โดยส่งออก 20% รวมถึงสายยางนํ้าซึม “เรนฟลอเรสท์” เป็นสายยางรูพรุนสามารถวางบนดิน หรือฝังใต้ดินได้ มีความยาว 15 เมตร50 เมตร และ 100 เมตร ใช้ได้ทั้งสวนแนวตั้ง แนวราบ เป็นต้นโดยสินค้าในกลุ่มเกษตรและประมงจะเป็นอีกกลุ่มที่ขยายฐานส่งออกมากขึ้นด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,249 วันที่ 2 - 5 เมษายน พ.ศ. 2560