ลา โรช-โพเซย์ชู 3 ยุทธศาสตร์ปั๊มรายได้ปี 60 สร้างดิจิตอลคอนเทนต์ลุยตลาดเวชสำอาง
ลา โรซ-โพเซย์ เดินหน้าชู 3 กลยุทธ์ลุยตลาดเวชสำอางปี 60 รักษาท็อป 3 ผู้นำตลาด ทั้งการจัดจำหน่ายสินค้าตอบโจทย์ การฝึกอบรมให้ความรู้พนักงาน และการทำตลาดออนไลน์ เน้นสร้างดิจิตอลคอนเทนต์สู่กลุ่มเป้าหมาย มั่นใจยังเติบโตได้ 2 หลักมากกว่าภาพรวมตลาด
นางสาววิภาวี ทับสกุล ผู้จัดการทั่วไป แผนกแอคทีฟคอสเมติกส์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าความงาม เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจแบรนด์เวชสำอาง ลา โรซ โพเซย์ (LA ROCHE-POSAY) ในปี 2560 ว่า ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์สำคัญใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า 2. การฝึกอบรมพนักงาน และให้ความรู้กับผู้แนะนำสินค้า และ 3. การทำตลาดผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดซึ่งติดอันดับ 1 ใน 3 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอางของไทย
"ทิศทางธุรกิจในปีหน้ายังคงตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ซึ่งปัจจัยเรื่องภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยลบต่างๆ เชื่อว่าทุกบริษัทได้รับผลกระทบเหมือนกัน แต่สำหรับสินค้ากลุ่มเวชสำอางลูกค้ายังคงใช้จ่ายเงิน เพราะยังให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง แนวทางการทำตลาดในปีหน้าจึงจะเน้นการทำคอนเทนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์และปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพผิว ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายๆ เช่น อินโฟกราฟิก ที่บางครั้งอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อทำให้ผู้บริโภคเข้าใจในปัญหาเกี่ยวกับผิว ซึ่งรูปแบบเนื้อหาที่ทำนั้นจะต้องให้เข้าใจง่าย โดยเพิ่มงบการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นกว่าปีนี้ และให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์เป็นหลัก"
สำหรับตลาดเวชสำอางปัจจุบันยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยตัวเลข 2 หลัก ขณะที่แบรนด์ลา โรซ-โพเซย์มีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาด ซึ่งเป็นผลจากสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่เน้นเรื่องความปลอดภัย ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบันจะเน้นการหาข้อมูลด้วยตนเองก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้า ขณะเดียวกันก็มีสินค้าแบรนด์ใหม่ ในกลุ่มเวชสำอางเข้ามาทำตลาดมากขึ้น 3-4 แบรนด์ ทำให้ปัจจุบันในทุกช่องทางมีสินค้ากว่า 15-20 แบรนด์ การแข่งขันจึงเน้นที่ประสิทธิภาพของสินค้า ส่วนภาวะเศรษฐกิจอาจมีผลต่อกำลังซื้อของลูกค้าบ้างแต่ไม่มากนัก"
นางสาววิภาวี กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าทำตลาดอยู่ 9 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. EFFACLAR กลุ่มดูแลปัญหาสิว ผิวมัน 2. ANTHELIOS กลุ่มกันแดด 3. THERMAL WATER กลุ่มน้ำแร่ลดการระคายเคือง 4. HYDRAPHASE กลุ่มเติมน้ำให้ผิวสำหรับผิวที่ขาดน้ำ 5. REDERMIC กลุ่มลดเลือนผิวมีริ้วรอย 6. SENSI WHITE กลุ่มผิวขาวกระจ่างใส 7. CICAPLAST กลุ่มปลอบประโลม ผิวแพ้ ผิวแห้ง 8. TOLERIANE กลุ่มดูแลผิวบอบบางแพ้ง่าย และ 9. LIPIKAR กลุ่มฟื้นบำรุงผิวแห้งมาก จำนวนรวมกว่า 85 รายการ โดยแต่ละปีบริษัทจะมีสินค้าใหม่ออกทำตลาด 3-5 รายการ ซึ่งล่าสุดได้วางจำหน่ายสินค้าใหม่เป็นผลิตภัณฑ์สเปรย์ซับมัน ลา โรซ-โพรเซย์ เซโรซิงค์ 2 รายการ ขนาด 50 มิลลิลิตร ราคา 270 บาท และขนาด 150 มิลลิลิตร ราคา 590 บาท
ปัจจุบันบริษัทจัดจำหน่ายผ่าน 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ 1. โมเดิร์นเทรด ผ่านร้านสุขภาพและความงาม 2. โรงพยาบาลและคลินิก 3. ร้านขายยา และ 4. ช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งในทุกช่องทางบริษัทจะเน้นการให้ความรู้กับแพทย์ เภสัชกร รวมถึงพนักงานขายของบริษัท หรือ DA (Derma Advisor) โดยในแต่ละปีจะมีการให้ความรู้กับบุคลากรต่างๆ ด้านแพทย์และเภสัชกรรวมกว่า 1,000 คน เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้าต่อไป
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมกับร้านบู๊ทส์ จัดทำโครงการ Boots Healthcare Campaign "Feel Good Together" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ในการอบรมให้ความรู้กับเภสัชกรบู๊ทส์ เพื่อให้เข้าใจในผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง ซึ่งในปีนี้เน้นในเรื่องสัญญาณปกป้องผิวลดสาเหตุของปัญหาการเกิดสิวและมลภาวะ ( Pollution Alert! The Enemy of Oily acne-prone skin) โดยสินค้าลาโรซ-โพเซย์ที่มียอดขายสูงสุด 3 อันดับแรก จะเป็น ผลิตภัณฑ์กลุ่มสิว กลุ่มแพ้ง่าย และผลิตภัณฑ์กันแดด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,210 วันที่ 17 - 19 พฤศจิกายน 2559