ใช้ปั๊มหลอดปั่นส่งนํ้ามันผ่านท่อ เลี่ยงกฎหมายเข้มป้อนเมียนมา
ผู้ค้าน้ำมันชายแดนแม่สอดดิ้น ต้องตั้งปั๊มหลอด ปั่นส่งน้ำมันทางท่อข้ามไปเมียวดีแทน หลังภาครัฐยังไม่ผ่อนผันให้ใช้ถ่ายจากรถบรรทุกโดยตรง จะขนผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาก็โดนเก็บค่าธรรมเนียมลิตรละ 5 บาท ส่งผลให้อีกฝั่งเกิดการขาดแคลน ราคาขายปลีกพุ่งลิตรละ 30 บาท หันไปนำเข้าสิงคโปร์แทน
นายสุระชัย กนกะปิณฑะ สมาชิกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าภาคอีสาน ในฐานะผู้ส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากที่กรมธุรกิจพลังงานได้ออกกฎกระทรวงการขนส่งน้ำมันโดยถังขนส่งน้ำมัน พ.ศ.2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการถังขนส่งน้ำมัน ทั้งการขนส่งภายในประเทศและเพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร จะต้องถ่ายน้ำมันจากรถขนส่งน้ำมันลงถังเก็บน้ำมันเท่านั้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่มีอยู่ 9 ราย ไม่สามารถส่งน้ำมันไปยังฝั่งเมียนมาโดยวิธีทางท่อบริเวณคลังและท่าส่งสินค้าในต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก วันละประมาณ 2 ล้านลิตรได้
สำหรับการแก้ปัญหาดังกล่าว ผู้ประกอบการอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากกรมศุลกากร ที่จะส่งน้ำมันทางท่อตามวิธีการเดิม ในรูปแบบสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ประเภท ง. (ปั๊มหลอด) เพื่อให้เป็นไปตามกฎกระทรวง ที่กำหนดให้การจ่ายน้ำมันจากรถขนส่งน้ำมันต้องจ่ายลงถังเก็บน้ำมันและต้องกระทำภายในสถานที่ประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 2 หรือประเภทที่ 3 ตามพระราชบัญญัติควบคุมเท่านั้น และน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 ซึ่งรูปแบบการดำเนินการนั้นจะใช้ปั๊มหลอดปั่นน้ำมันลงท่อข้ามฝั่งไปแทน จากเดิมที่ถ่ายลงท่อขนาด 4 นิ้ว จะเปลี่ยนเป็นท่อขนาด 1 นิ้ว และทยอยส่งไปยังฝั่งเมียวดี ใช้ระยะเวลา 3 วันต่อคัน(ขนาด 4 หมื่นลิตรต่อคัน) โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าว ถือเป็นแนวทางแก้ปัญหาเบื้องต้น เนื่องจากทางผู้ขนส่งน้ำมันได้รับเงินจากผู้ค้าน้ำมันฝั่งเมียวดีมาแล้ว จึงต้องทำให้เห็นว่าผู้ขนส่งน้ำมันไม่ได้กระทำผิดตามสัญญา และทำให้ภาครัฐเห็นว่าผู้ประกอบการอยู่ระหว่างเดือดร้อน หากไม่มีการแก้ไขหรือมีการผ่อนผัน จากเดิมที่การขนส่งน้ำมันทางท่อดำเนินการมานานแล้ว ซึ่งหากกรมศุลกากรอนุมัติการส่งออกน้ำมันได้ ภายในสัปดาห์นี้ก็จะตั้งปั๊มหลอดและส่งน้ำมันข้ามฝั่งได้ทันที
“นับจากวันที่ 26 ตุลาคม 2559 เป็นต้นมาถึงขณะนี้ยังไม่สามารถส่งน้ำมันข้ามฝั่งไปได้ ขณะที่การขนผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะรัฐบาลเมียนมาไม่อนุญาตให้รถขนส่งน้ำมันเข้าไป ทำให้ฝั่งเมียวดีเวลานี้น้ำมันเกิดการขาดแคลน กระทบราคาขายปลีกจากแต่เดิม 18 บาทต่อลิตร ขยับขึ้นมาเป็น 30 บาทต่อลิตรแล้ว เนื่องจากหันไปนำเข้าจากสิงคโปร์ ผ่านมาทางย่างกุ้ง และส่งมาที่เมียวดีที่มีระยะทางไกล”
นายปนิธิ ตั้งผากิจ นักธุรกิจค้าน้ำมัน บริษัท ชาญเมียวดีฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการไทยและเมียนมา ได้รับผลกระทบที่ไม่สามารถส่งน้ำมันทางท่อผ่านมายังเมียวดีได้ ซึ่งหากจะขนผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ทางเจ้าหน้าที่ประจำด่านเมียวดี จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการขนส่งน้ำมันเข้าประเทศในอัตรา 5 บาทต่อลิตร ทำให้ต้นทุนที่สูงขึ้นจากเดิมขนส่งผ่านท่อไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ ผู้ประกอบการเมียนมา หันไปพึ่งพาน้ำมันจากประเทศมาเลเซียหรือสิงคโปร์ที่ชนกลุ่มน้อยและชาวมอญ นำเข้ามาทางเรือเมืองเมาะละแหม่ง ซึ่งเสียค่าธรรมเนียมในอัตราต่ำที่1-2 บาทต่อลิตร ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการเมียนมา ได้ทำหนังสือร้องเรียนมายังหอการค้าจังหวัดตาก เพื่อหาแนวทางแก้ไขแล้ว
นายขจรชัย ผดุงศุภไลย รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า การออกกฎกระทรวงดังกล่าว ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใคร แต่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและดำเนินการอย่างเป็นมาตรฐานสากล รวมถึงการป้องกันลักลอบการค้าน้ำมันที่ผิดกฎหมาย โดยยืนยันว่าการส่งน้ำมันผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา สามารถดำเนินการได้ เพราะได้ผ่านการทดสอบการรับน้ำหนักแล้ว จากที่ผ่านมาได้มีการผ่อนผันให้ขนส่งน้ำมันทางท่อและขนส่งใส่เรือขนาดเล็กข้ามฝั่งไปได้ เนื่องจากเกิดการทรุดของสะพาน
อย่างไรก็ตาม แนวทางแก้ไขปัญหาการส่งออกน้ำมันไปยังเมียนมา ที่ดำเนินการได้จะแบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ รถขนส่งน้ำมันข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ส่วนแนวทางที่ 2 ผู้ประกอบการสามารถนำถังน้ำมันขนาด 5,000 ลิตร หรือ 1-2 หมื่นลิตร มาตั้งในบริเวณริมแม่น้ำเมย เพื่อให้รถขนส่งน้ำมันถ่ายลงถังก่อนส่งผ่านทางท่อไปยังฝั่งเมียนมา ซึ่งนับว่าเป็นสถานประกอบการลักษณะที่ 3 สามารถขออนุญาตกับผู้ว่าราชการจังหวัดตากได้ทันที ส่วนที่จะทำเป็นปั๊มหลอดนั้น คงยุ่งยากเพราะมีขนาดเล็กมากและใช้เวลานาน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,209 วันที่ 13 - 16 พฤศจิกายน 2559