‘เจ้เล้ง’นำเข้าสินค้าเอสเอ็มอี หวังพยุงยอดขายสู้กำลังซื้อซบ-เปิดพื้นที่ขายข้าวฟรี

16 พ.ย. 2559 | 01:00 น.
“เจ้เล้ง” เดินหน้าขนทัพสินค้าจากต่างประเทศเสริมยอดขาย ชูจุดเด่นของดีราคาถูก เล็งนำเข้าสินค้าเอสเอ็มอีจากทั่วโลก ทั้งญี่ปุ่นและยุโรป สู้ศึกเศรษฐกิจชะลอตัวประคองรักษายอดขายไม่ให้ลดลง ล่าสุด จับมือกรมการข้าว เปิดพื้นที่ให้เกษตรกรขายข้าวโดยตรงถึงผู้บริโภค

นางอารีย์ฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ แอนด์ เจ บิวตี้โปรดักส์ จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องสำอางและสินค้าจากต่างประเทศ และผู้บริหารร้านเจ้เล้ง เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ยังคงรักษายอดขายไม่ให้ลดลง แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะมีปัญหาชะลอตัว กำลังซื้อไม่ดีเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งขณะที่ภาพรวมธุรกิจทั่วไปและผู้ประกอบการหลายราย มีผลการดำเนินงานที่ลดลง จากผลกระทบของปัญหาเศรษฐกิจและกำลังซื้อ และบริษัทปีนี้ยังคงรักษาอัตราการเติบโตของกำไรไว้ได้

“กลยุทธ์ที่ร้านเจ้เล้งใช้มาโดยตลอด คือ การขายสินค้าดีราคาถูก เป็นสินค้าที่มีหลากหลายและแปลกใหม่ที่หาซื้อได้เฉพาะที่ร้านเจ้เล้ง ส่งผลให้ยังสามารถรักษายอดขายไว้ได้ ยอดขายไม่ได้ลดลงเหมือนกับผู้ประกอบการรายอื่น หากเศรษฐกิจไม่ดีร้านเจ้เล้งมักจะมียอดขายดีกว่าคนอื่น โดยเติบโตประมาณ 10-20% ซึ่งต้องยอมรับว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสภาพเศรษฐกิจมีปัญหา และกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งเป็นสภาพของกำลังซื้อที่แท้จริงของผู้บริโภค ที่ผ่านมาเป็นเหมือนภาวะฟองสบู่ จากการใช้เงินฟุ่มเฟือยของคน”

สำหรับแผนธุรกิจในปีหน้าบริษัทยังคงเน้นหาสินค้าดีราคาถูกจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาทำตลาด โดยเตรียมนำสินค้าจากกลุ่มผู้ประกอบการระดับเอสเอ็มอีของประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น และในยุโรป รวมถึงประเทศอื่นๆ เข้ามาจัดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 100 รายการ ครอบคลุมทุกหมวดรายการสินค้า ทั้งเครื่องสำอาง ของใช้ และของกิน เนื่องจากเป็นสินค้าคุณภาพดี ใช้วัตถุดิบในแต่ละประเทศ และมีราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งนโยบายร้านเจ้เล้งจะไม่นำสินค้าแบรนด์เนมเข้ามาทำตลาด เพราะสินค้ามีราคาสูงจากมูลค่าของแบรนด์สินค้า หากนำเข้ามาจะต้องขายในราคาแพง
ปัจจุบันร้านเจ้เล้งมีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ 1. จำหน่ายปลีกภายในร้าน 2. จำหน่ายในรูปแบบขายส่ง และ 3.จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยช่องทางออนไลน์ปัจจุบันมียอดขายเติบโตกว่า 200% จากปีที่ผ่านมา จากปกติมียอดสั่งซื้อวันละ 10-20 ชิ้น ปัจจุบันมีกว่า 200-300 ชิ้น ขณะที่การขายส่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน จากพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อสินค้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์

นางอารีย์ฉัตร กล่าวอีกว่า จากปัญหาชาวนาขายข้าวได้ราคาต่ำ และเป็นการน้อมนำแนวทางตามพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาปฎิบัติใช้ จึงได้ร่วมกับกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดพื้นที่ให้ชาวนานำข้าวมาขายได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และมีที่พักให้กับชาวนา 10-20 คนได้พักอาศัยระหว่างการจำหน่ายข้าว ซึ่งจะเปิดการจำหน่ายระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน - 31 มกราคม 2560 นี้ พร้อมกับการจัดโปรโมชั่น สำหรับผู้ซื้อสินค้าภายในร้านเจ้เล้งครบ 1,000 บาท จะได้รับคูปองส่วนลดการซื้อข้าว 10 บาทด้วย

นางสาวลัดดา วิริยางกูร ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานการรับรองข้าว กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้ทำงานร่วมกับกลุ่มเกษตรกรชาวนาทั่วประเทศ 80 กลุ่ม ซึ่งได้ส่งจดหมายเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการ โดยทางกรมการข้าวจะคัดเลือกให้ชาวนามาขายข้าวครั้งละ 15 กลุ่ม ระยะเวลากลุ่มละ 7 วัน ซึ่งราคาข้าวที่จำหน่ายขณะนี้ยังไม่ได้กำหนด โดยจะให้ชาวนากำหนดราคาของตนเอง คาดว่าจะมีราคาประมาณกิโลกรัมละ 30 บาท ซึ่งราคาข้าวจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้าวด้วย

“ปัจจุบันปริมาณข้าวในระบบคาดว่าจะมี 9-10 ล้านตัน จากปริมาณพื้นที่เพาะปลูกข้าว 20 ล้านไร่ โดยคาดว่าเป็นข้าวที่ชาวนานำออกมาจำหน่ายเองประมาณ 1 แสนตัน ซึ่งถือว่าอาจจะยังไม่มากนัก ทางกรมการข้าวจึงต้องทำงานต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืน โดยจะต้องพัฒนากระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,209 วันที่ 13 - 16 พฤศจิกายน 2559