ช่อง5ลุยนิวมีเดียเสริมรายได้ ปรับโครงสร้างตั้งทีมออนไลน์ เล็งผลิต3รายการใหม่
ช่อง 5 ปรับโครงสร้างใหม่ เพิ่มนิวมีเดียเสริมทัพ หวังสร้างรายได้รายได้จากออนไลน์ และดันยอดออฟไลน์ พร้อมผลิตคอนเทนต์ป้อนโดยเฉพาะ ยึดหลักสถานีข่าว สาระเพื่อความมั่นคง วางเป้ารายการยอดผู้ชมทะลุล้านวิว ขณะที่ผังรายการปี 60 ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ ลดรายการบันเทิง
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนารายการและรายได้ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เปิดเผยว่า ในปีนี้ทางช่อง 5 ได้ปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ในอนาคตจากสื่อออนไลน์ ด้วยการเพิ่มกลุ่มธุรกิจนิวมีเดีย ทำให้ปัจจุบันช่อง 5 มี 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ ได้แก่ ธุรกิจออฟไลน์ ซึ่งมีรายได้จากการเวลาโฆษณาที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ธุรกิจนิวมีเดีย ที่มีรายได้จากสื่อออนไลน์ และธุรกิจออนกราวด์ที่มีรายได้จากการจัดงานอีเวนต์ต่างๆ รวมถึงการเป็นสถานีสื่อสาระเพื่อความมั่นคง
สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี 2560 คาดว่าจะมาจากกลุ่มธุรกิจออฟไลน์สัดส่วน 60% ธุรกิจนิวมีเดีย สัดส่วน 25% และธุรกิจออนกราวด์อีก 15% ขณะที่ผังรายการจะมีการปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเฉพาะการปรับรูปรายการบันเทิงให้อยู่ในกรอบและความเหมาะสม ทั้งเนื้อหาสาระและการแต่งกายของผู้ดำเนินรายการ และเป็นรายการบันเทิงที่มีอัตลักษณ์ของความเป็นช่อง 5 รวมถึงเป็นรายการที่มีประโยชน์ต่อผู้ชม และการสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งลักษณะผังรายการจะเพิ่มรายการที่ออกอากาศทุกวันอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ เพื่อให้เกิดการจดจำรายการมากขึ้น จากอดีตที่รายการมักจะออกอากาศเพียงสัปดาห์ละครั้ง
“ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ น่าจะประกาศผังรายการของปีหน้าได้ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีการผลิตรายการล่วงหน้าบ้างแล้ว รายการที่ช่อง 5 ยังขาดคือ รายการจับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ กลุ่มเจนวายและกลุ่มเจนแซด เพื่อให้ช่อง 5 มีรายการรองรับทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกวัย แต่รายการจะต้องอยู่ภายใต้ความมั่นคงของประเทศ ส่วนรายได้ในทางธุรกิจก็จะต้องมีด้วย เพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้จึงได้เพิ่มกลุ่มนิวมีเดียเข้ามาเสริมรายได้ ซึ่งเชื่อว่าปีหน้าช่อง 5 จะเป็นสถานีของความมั่นคงและเป็นช่องของคนทุกวัยอย่างแท้จริง โดยมีสัดส่วนรายการข่าว 30% รายการสาระ 40% และรายการบันเทิง 30%”
ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าอาจจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 3-5% แต่อาจจะต้องดูผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 นี้อีกครั้ง โดยเฉพาะหลังจากวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งผลการดำเนินงานในช่วง 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ด้านนางพนิดา กิตติประภัสร์ หัวหน้าทีมแผนกพัฒนาสื่อใหม่ หรือนิวมีเดีย กล่าวว่า ทีมนิวมีเดียเพิ่งได้รับการจัดตั้งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันมีทีมงาน 10 คน โดยมีแผนเพิ่มทีมงานอีกเท่าตัว เพื่อขยายธุรกิจในออนไลน์อย่างจริงจัง ซึ่งทีมนิวมีเดียจะเข้ามามีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ให้กับสถานีอีกหนึ่งช่องทาง ด้วยรูปแบบการขายโฆษณา 4 แพ็กเกจ ได้แก่ แบบที่ 1 โฆษณาแอร์ไทม์ปกติ จะได้รับสื่อออนไลน์เพิ่มฟรี แบบที่ 2 โฆษณาแอร์ไทม์ปกติ ได้รับช่องทางโฆษณาออนไลน์ฟรี และการดึงสัญญาณโทรทัศน์ แบบที่ 3 โฆษณาแอร์ไทม์ปกติ ให้สถานีผลิตรายการ และมีรถถ่ายทอดสัญญาณ และแบบที่ 4 เหมือนแบบที่ 3 แต่ไม่มีรถถ่ายทอดสัญญาณ
“ธุรกิจนิวมีเดีย จะเข้ามาเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า ซึ่งจะได้โฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี ยูทูบ และการสตรีมมิ่งสัญญาณ ซึ่งนอกจากสถานีจะนำรายการที่ออกอากาศปกติมาผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว ยังเตรียมผลิตรายการเพื่อป้อนให้กับช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะด้วย ซึ่งปีแรกจะมีประมาณ 3 รายการ ในช่วงปีแรกช่องทางออนไลน์อาจจะยังไม่ได้ทำรายได้ให้มากนัก ปีต่อไปคงจะเห็นรายได้ที่ชัดเจน แต่ะเป้าหมายสำคัญตามแผนธุรกิจ 5 ปีจนถึงปี 2564 ธุรกิจนิวมีเดียต้องสร้างยอดวิวรายการที่เป็นอัตลักษณ์ของช่อง 5 ในระดับแสนวิว หากเป็นรายการละครจะต้องมียอดวิวกว่าล้านวิว”
ขณะที่พล.อ.ราชรักษ์ เรียนพืชน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 กล่าวว่า ปัญหาผู้เช่าใช้บริการโครงข่ายกำลังประสบปัญหาจากการประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่โทรทัศน์ระบบดิจิตอลนั้น ททบ. ได้เล็งเห็นว่าเพื่อเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว จึงหาแนวทางการเยียวยาผู้เช่าโครงข่ายที่ได้รับความเดือดร้อนในสภาพสภาวะเศรษฐกิจซบเซา โดยต้องเป็นไปตามแนวทางที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนด พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะของผู้ใช้บริการโครงข่ายของททบ. อันจะนำไปสู่การพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือที่ยั่งยืน และพัฒนาให้โครงข่าย ททบ.มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานด้านโครงข่ายโทนทัศน์ระบบดิจิตอล ปัจจุบันจนถึงปี 2560 ททบ.จะดำเนินการติดตั้งสถานีเสริมประเภท Low Power อีก 84 สถานี และให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวก 32สถานี ซึ่งททบ.ได้เตรียมแผนการดำเนินงานตามกรอบระยะเวลา 2 ส่วน คือ 1.การตั้งสถานีระยะแรก 34สถานี กำหนดออกอากาศวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 จำนวน 22 สถานี และออกอากาศในวันที่ 1 มิถุนายน 2560 อีก 12 สถานี โดยททบ.เป็นผู้ให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกเองจำนวน 9 สถานี 2.การตั้งสถานีในระยะที่2 จำนวน 5 สถานี กำหนดออกอากาศวันที่ 15 มิถุนายน 2560 โดยททบ.เป็นผู้ให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวก จำนวน 23 สถานี ซึ่งเมื่อตั้งครบในปีที่ 4 ททบ. จะมีสถานีหลัก จำนวน 39 สถานี และมีสถานีเสริม 129 สถานี ครอบคลุมคิดเป็น 95% ของจำนวนครัวเรือนประชากรในประเทศ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,209 วันที่ 13 - 16 พฤศจิกายน 2559