‘เกรท แวลู’ปลุกตลาดสินค้าราคาเดียวคึกคัก โรบินสันแจ้งเกิดพ.ย.นี้ รับสมาร์ทช็อปเปอร์

16 ต.ค. 2559 | 09:00 น.
แจ้งเกิดน้องใหม่ "เกรท แวลู" ชูจุดขายสินค้าราคาเดียว ทางเลือกใหม่สมาร์ทช็อปเปอร์ โรบินสันดีเดย์เปิดตัวพฤศจิกายนนี้ ทั้งในหมวดโฮม แอกทีฟ บุรุษ สตรีและเด็ก มั่นใจสิ้นปีขยายสาขาได้ 10 แห่ง พร้อมรุกเจาะตลาดผ่านออนไลน์ เผยสร้างความแตกต่างรับค้าปลีกแข่งเดือด

[caption id="attachment_105926" align="aligncenter" width="335"] อนวัช สังขะทรัพย์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) อนวัช สังขะทรัพย์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายอนวัช สังขะทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัว แบรนด์สินค้าใหม่ ภายใต้ชื่อ "เกรท แวลู" (Great Value) โดยเน้นจำหน่ายสินค้าราคาเดียว ในหมวดต่างๆ ได้แก่ Home อาทิ อุปกรณ์ทำ อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร ฯลฯ Active อาทิ เสื้อผ้ากีฬา และ อุปกรณ์กีฬา ฯลฯ Men's Women's Underwear อาทิ กลุ่มกางเกงชั้นใน และถุงเท้า ฯลฯ และ Kids อาทิ กางเกงชั้นใน และถุงเท้าของเด็ก ฯลฯ โดยจุดเด่นของเกรท แวลู คือคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐาน และจำหน่ายสินค้าที่เป็นราคาเดียวตลอด 365 วัน ไม่ต้องรอโปรโมชันก็ช็อปสินค้าสุดคุ้มค่าได้ทุกวัน โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะสาขารวม 10 แห่ง พร้อมทั้งเตรียมนำสินค้าเกรท แวลู เข้าไปวางจำหน่ายบนโรบินสัน ออนไลน์ ช็อปปิ้ง (Robinson Online Shopping) ผ่าน www.robinson.co.th อีกช่องทางหนึ่งด้วย

"เกรท แวลู ถือเป็นหนึ่งในสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ แบรนด์ ที่โรบินสันนำเข้ามาทำตลาด เพื่อใช้เป็นแม็กเนตดึงดูดใจลูกค้า เพราะจะมีวางจำหน่ายเฉพาะที่โรบินสันเท่านั้น โดยที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนาและวางจำหน่ายสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับสินค้าเฮาส์แบรนด์ ขณะที่ในหมวดสินค้าราคาเดียว ซึ่งวางจำหน่ายในร้านจัสท์ บาย (Just Buy) ซึ่งมีจัดเด่นที่สินค้าหลากหลายประเภทครอบคลุมลูกค้าทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น ตลอดจนลูกค้าวัยทำงาน เช่น เครื่องประดับ เครื่อง สำอาง เครื่องเขียน กิฟต์ช็อป และเครื่องใช้ภายในบ้าน เป็นต้น โดยจำหน่ายในราคา 60 บาทต่อชิ้น ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง ดังนั้นการเพิ่มแบรนด์ "เกรท แวลู" เข้ามาเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน"

โดยปัจจุบันสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ แบรนด์ของโรบินสัน มีสัดส่วนราว 3% ของยอดขายรวม และตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตเป็น 11% ภายในปี 2563 โดยจะเพิ่มไลน์สินค้าให้หลากหลายรองรับความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมทั้งทำตลาดเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างการยอมรับ ผ่านกิจกรรมและสื่อต่างๆ รวมทั้งการจัดวางตำแหน่งสินค้า การจัดดิสเพลย์ให้มีความโดดเด่น เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มากขึ้น เช่นเดียวกับแบรนด์ชั้นนำทั่วไป

อย่างไรก็ดี บริษัทมีนโยบายที่จะพัฒนาแบรนด์สินค้าขึ้นเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางจำหน่ายในสาขาต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อสร้างความแตกต่าง และรองรับกลุ่มลูกค้าที่คำนึงถึงเรื่องของราคาเป็นหลัก โดยปัจจุบันสินค้าภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท แบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ สินค้าไพรเวท แบรนด์ หรือสินค้าเฮาส์แบรนด์ ซึ่งบริษัทพัฒนาแบรนด์สินค้าขึ้นมาเองเพื่อวางจำหน่ายในห้างโรบินสันทุกสาขา โดยพิจารณาเลือกเฉพาะสินค้าในหมวดที่ได้รับความนิยมเพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและเป็นการเติมเต็มในความต้องการของลูกค้า โดยเน้นรูปแบบสินค้าที่ ทันสมัย มีคุณภาพที่ดี ด้วยราคาที่เหมาะสม เช่นเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องนอน ภายใต้ชื่อ Cuizimate และ Robinson*Home , แฟชั่นและเสื้อผ้าสตรี F.O.F Ohayo , รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับสตรี F.O.F , เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายชาย Pacific Union , Snap , Otoko , สินค้าเด็ก F.O.F , Snap , กระเป๋าเดินทาง Robinson Luggage เป็นต้น

สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ อินเตอร์เนชั่นแนล แบรนด์ สินค้าแบรนด์ต่างประเทศที่มีชื่อเสียงและผลิตในต่างประเทศ โดยบริษัทคัดสรรและนำเข้ามาจำหน่ายเฉพาะในห้างโรบินสันเท่านั้น เช่น แบรนด์รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับสตรี Claire’s Payless ShoeSource , สินค้าเด็กแบรนด์ Babyshop , เครื่องสำอางแบรนด์ Mades Cosmetic , Yves Rocher (เฉพาะที่เปิดให้บริการในโรบินสัน ไลฟ์สไตล์) และล่าสุดแบรนด์ แอโรโพสทอล เสื้อผ้านิวยอร์กสไตล์ สำหรับกลุ่มวัยทีน ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสินค้าที่นำมาจำหน่ายจะมีทั้งคอลเลกชันที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ และคอลเลกชันพิเศษที่ดีไซน์และวางจำหน่ายเฉพาะในโรบินสัน ประเทศไทยเท่านั้น

"เพราะปัจจุบันวงการค้าปลีกเมืองไทยมีการแข่งขันสูง การนำเสนอสินค้าที่มีความแตกต่างเพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับลูกค้าถือเป็นจุดแข็งที่จะทำให้เกิดลอยัลตี เพราะสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,200 วันที่ 13 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559