สพฉ.จับมือศิริราชพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินช่วงก่อนถึงโรงพยาบาล

06 ต.ค. 2559 | 09:35 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ต.ค. 2559 | 15:23 น.
ดร.นพ.ไพโรจน์  บุญศิริคำชัย  รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) เปิดเผยว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือ การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินช่วงก่อนถึงโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน

จากการเก็บสถิติของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติในการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินพบว่ามีผู้ป่วยฉุกเฉินที่เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลมากกว่า 6 หมื่นคน โดยสาเหตุหลักของการเสียชีวิตนั้นมาจากภาวะของการเจ็บป่วยฉุกเฉินจากโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (STEMI) และการเจ็บป่วยฉุกเฉินจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยการเจ็บป่วยฉุกเฉินที่เราเป็นกังวลมากที่สุดคือโรคหลอดเลือดสมองที่คร่าชีวิตหรือส่งผลให้เป็นอัมพฤกษ์ของคนไทยไปเป็นจำนวนมาก  การลงนามบันทึกความร่วมมือของสพฉ.และโรงพยาบาลศิริราชในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการพัฒนาระบบต้นแบบ stroke fast track ในการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินจากโรคหลอดเลือดสมองช่วงก่อนถึงโรงพยาบาลให้ได้เข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากไม่รู้ว่าตนเองมีอาการเจ็บป่วยของโรคหลอดเลือดสมอง อาทิ มือเท้าชา แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว ดวงตาพร่ามัว พอมีอาการต่างๆ เหล่านี้ก็ไม่รีบมาพบแพทย์ นึกว่าทานยาด้วยตนเองอาการของโรคก็จะหายไป ทำให้เสียโอกาสได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องจุดจอดรถพยาบาลระดับสูงที่ยังจอดในจุดที่มารับผู้ป่วยได้ล่าช้ากว่า 8 นาที  โดยสพฉ.และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจะร่วมกันให้ความรู้กับประชาชนให้หมั่นสังเกตอาการของตนเองและเมื่อมีอาการก็ให้รีบมาพบแพทย์ทันที นอกจากนี้แล้วเรายังจะร่วมกันในการผลักดันให้มีการกระจายจุดจอดรถพยาบาลระดับสูงให้อยู่ใกล้แหล่งชุมชนหรือที่อยู่อาศัยของประชาชนครอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุดเพื่อที่จะเข้าไปรับตัวผู้ป่วยฉุกเฉินให้ได้เข้าสู่กระบวนการรักษาให้ได้ภายใน 8 นาที ตั้งแต่รถพยาบาลไปถึงผู้ป่วยก็สามารถเข้าถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้โดยผ่านระบบเทคโนโลยีการสื่อสารหรือเทเลเมดิซีน

รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่น่าสนใจที่สุด คือ เราได้ร่วมกันผลักดันให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเข้ามามีบทบาทในการดำเนินการและบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินช่วงก่อนถึงโรงพยาบาล เป็นโอกาสที่รถพยาบาลระดับสูงจะสามารถกระจายไปในพื้นที่ที่จะสามารถไปถึงผู้ป่วยฉุกเฉินทันเวลารวมถึงโอกาสที่จะมีการติดตั้งระบบเทเลเมดิซีนให้เพียงพอเพื่อให้แพทย์สามารถเห็นผู้ป่วยฉุกเฉินในขณะเกิดเหตุได้จะได้ทำการช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ โดยเมื่อเจ้าหน้าที่รับผู้ป่วยฉุกเฉินจากภาวะโรคหลอดเลือดสมองระบบเทเลเมดิซีนในรถพยาบาลจะสามารถสื่อสารให้กับหัวหน้าแพทย์ได้ทราบว่าผู้ป่วยฉุกเฉินมีอาการเจ็บป่วยมากน้อยแค่ไหนอย่างไร และหากต้องทำการซีทีแสกนก็สามารถออกคำสั่งให้รถพยาบาลไปยังศูนย์ที่อยู่ใกล้ที่สุดทำเพื่อทำการซีทีแสกนหรือส่งไปฉีดยาละลายลิ่มเลือดในหลอดเลือดสมองที่อุดตันได้ทันที โดยไม่ได้เริ่มจากการที่ผู้ป่วยฉุกเฉินต้องไปถึงประตูโรงพยาบาลก่อน ปัจจุบันนี้ระบบทางด่วนในโรงพยาบาลตั่งแต่ประตูโรงพยาบาลถึงการฉีดยาละลายลิ่มเลือดสามารถร่นระยะเวลาที่ต้องผ่านหลายขั้นตอนได้อย่างรวดเร็วแล้ว แต่เวลาตั้งแต่เกิดอาการจนถึงโรงพยาบาลยังล่าช้า โครงการความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสพัฒนารูปแบบระบบ โดยเราจะได้เริ่มโครงการนำร่องในพื้นที่จังหวัด อุบลราชธานี มหาสารคาม สงขลา และจังหวัดในพื้นที่ทิศตะวันตก เป็นเบื้องต้น