ยิ่งกว่าละครชีวิต ซีรีส์เกาหลีชิดซ้าย และต้องติดตามตอนต่อไป ที่ประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 19 ก.ค. 2566 เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่สอง ได้ข้อสรุปการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซํ้าไม่ได้ วันเดียวกันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยกรณีถือหุ้นไอทีวี และมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 สั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ปิดประตูความหวังนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ลงทันที
ฉากต่อไป พรรคเพื่อไทย จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี รอบที่ 3 ในวันที่ 27 ก.ค. ส่งผ่านแรงกดดันการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี และการจัดตั้งรัฐบาลไปอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางสายตาจับจ้องจากทั้งในและต่างประเทศ มีการคาดเดาฉากทัศน์และสูตรการจัดตั้งรัฐบาลกันไปต่างๆ นานา
อย่างไรก็ดี เสียงจากประชาชน และธุรกิจในประเทศตั้งความหวังจะได้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่มารับไม้ต่อเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างช้าไม่เกินเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งหากได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพและเป็นที่ยอมรับก็จะส่งผลดีต่อการบริหารประเทศ ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง และปัญหาต่าง ๆ ที่หมักหมม รวมถึงการขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
หนึ่งในวาระเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ที่รออยู่ คือ การผลักดันการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA เพื่อสร้างแต้มต่อและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันการส่งออก และดึงดูดการลงทุนเข้าไทย จากที่เวลานี้ภาคส่งออกยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญ คิดเป็นสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) เกือบ 60% และยังติดหล่มจากพิษเศรษฐกิจโลก ส่งผลมูลค่าการส่งออกของไทยเวลานี้ยังติดลบ 8 เดือนต่อเนื่อง
ปัจจุบัน FTA ของไทยยํ่าอยู่กับที่มาหลายปี มีจำนวน FTA เพียง 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ในปี 2565 ล่าสุดการค้าไทยกับประเทศที่มี FTA ด้วย มีสัดส่วน 60.9% ต่อการค้าโลก เทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งขัน สิงคโปร์ มี FTA 28 ฉบับกับ 65 ประเทศ มีสัดส่วนการค้ากับประเทศคู่สัญญา FTA ถึง 95.04%, เวียดนาม มี FTA 16 ฉบับกับ 54 ประเทศ สัดส่วนการค้า 71.38%, มาเลเซีย FTA 16 ฉบับ กับ 21 ประเทศ สัดส่วนการค้า 67.42%, อินโดนีเซีย FTA 13 ฉบับ กับ 22 ประเทศ สัดส่วนการค้า 69.78% และฟิลิปปินส์ มี FTA 9 ฉบับ กับ 20 ประเทศ สัดส่วนการค้า 71.18%
จะเห็นได้ว่าเกือบทุกประเทศมีจำนวน และสัดส่วนการค้ากับประเทศคู่สัญญา FTA มากกว่าไทย ซึ่งหมายถึงโอกาสทางการค้าในยุคการแข่งขันเข้มข้นที่มีมากกว่าขณะที่ไทยเพิ่งเริ่มต้นนับ 1 ในการเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (หรืออียู มี 27 ประเทศ) จากก่อนหน้านี้การเจรจาได้ชะงักมาเกือบ 10 ปี หลังอียูไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร (ยุค คสช.)
ขณะที่เวลานี้ไทยมีแผนเจรจาเพื่อจัดทำ FTA กับอีก 9 ประเทศ /กลุ่มประเทศ ได้แก่ อิสราเอล, ภูฎาน, เกาหลีใต้, Pacific Alliance, MERCOSUR, GCC, EAEU, สหราชอาณาจักร, และ สหภาพศุลกากรแห่งแอฟริกาใต้ (SACU) ที่ต้องขออนุมัติกรอบการเจรจาจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ชุดใหม่ ซึ่งแค่เรื่อง FTA เรื่องเดียวถือมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศมหาศาล
หากการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ได้รัฐบาลที่ไม่เป็นที่ยอมรับ จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือของไทยในเวทีโลก และกระทบต่อการเจรจาการค้าได้