“ชาติพัฒนา”เว้นวรรคการเมืองไม่ส่งผู้สมัครชิง สส. พรรคยังไม่ยุบ

18 ธ.ค. 2568 | 11:12 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ธ.ค. 2568 | 11:21 น.

“ชาติพัฒนา”มีมติขอเว้นวรรคสนามเลือกตั้งใหญ่ ไม่ส่งผู้สมัคร สส. ชี้การเมือง 3 ขั้วดุเดือด พรรคเล็กเสียเปรียบ เปิดทางอดีต สส.-แกนนำตัดสินใจการเมืองเอง ยันพรรคยังอยู่

KEY

POINTS

  • พรรคชาติพัฒนามีมติ "เว้นวรรคทางการเมือง" โดยจะไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง สส. ในการเลือกตั้งปี 2569
  • นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค ยืนยันว่า พรรคยังคงดำรงอยู่ ไม่ได้ยุบพรรค เป็นเพียงการพักเฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น
  • เหตุผลหลักในการตัดสินใจ คือ การแข่งขันที่รุนแรงจาก 3 พรรคใหญ่ และระบบเลือกตั้งที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อพรรคขนาดเล็ก
  • พรรคเปิดโอกาสให้อดีต สส. และสมาชิกพรรคตัดสินใจย้ายไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นได้เป็นรายบุคคล

วันที่ 18 ธันวาคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่บ้านเลขที่ 333 ถนนราชวิถี คณะกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนาได้ประชุมเป็นกรณีพิเศษ เพื่อกำหนดทิศทางการทำงานของพรรคภายหลังการยุบสภาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา และการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569

บรรยากาศการประชุมมีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา, นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายกเทศมนตรีนครราชสีมา, นายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตนายกเทศมนตรีนครราชสีมา, นายทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรค รวมถึงอดีต สส. และกรรมการบริหารพรรคหลายราย

ก่อนเริ่มประชุม นายสุวัจน์กล่าวว่า เป็นการนัดประชุมด่วนเพื่อหารือทิศทางการเมืองของพรรค หลังสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากการยุบสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก่อนที่นายสุวัจน์จะแถลงผลการประชุมว่า คณะกรรมการบริหารพรรคได้พิจารณาสถานการณ์การเมืองปัจจุบันอย่างรอบด้าน ทั้งผลดี ผลเสีย และโอกาสในการกลับเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร

ที่ประชุมมีข้อสรุปสำคัญว่า พรรคชาติพัฒนาจะ ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ในการเลือกตั้งปี 2569 โดยให้เหตุผลหลัก 4 ประการ ได้แก่

1.การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองขนาดใหญ่ถึง 3 พรรค ทำให้การเมืองเข้มข้นและดุเดือดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ส่งผลให้พรรคขนาดเล็กเสียเปรียบอย่างมาก

2.ระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้พรรคเล็กเสียเปรียบ โดยเฉพาะในส่วนของ สส. บัญชีรายชื่อ

3.การยุบสภาเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้กระบวนการเตรียมความพร้อม เช่น ไพรมารีโหวต มีข้อจำกัดด้านเวลา

4.ปัจจัยสถานการณ์ภายนอกประเทศ ซึ่งกระทบต่อบรรยากาศการเมืองโดยรวม

นายสุวัจน์ ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประเทศจำเป็นต้องได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความเข้มแข็งเพียงพอในการสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองและการบริหารประเทศ พร้อมย้ำว่า พรรคชาติพัฒนาขอ “เว้นวรรค” การส่งผู้สมัครเฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น โดย พรรคยังคงดำรงอยู่ ไม่ได้ยุบพรรค

ขณะเดียวกัน พรรคเปิดโอกาสให้อดีต สส. และแกนนำพรรคใช้ดุลยพินิจส่วนตัวในการตัดสินใจว่าจะไปร่วมงานกับพรรคการเมืองใด

สำหรับทิศทางส่วนตัว นายสุวัจน์ กล่าวว่า ยังคงทำหน้าที่ประธานพรรคชาติพัฒนา และจะช่วยงานการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดนครราชสีมาต่อไป พร้อมย้ำว่า จะอยู่กับพรรคตามเจตนารมณ์ที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตหัวหน้าพรรค เคยกำชับไว้ และจะดูแลลูกพรรคอย่างเต็มที่

เมื่อถูกถามถึงกระแสข่าวการย้ายไปทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย นายสุวัจน์ ยืนยันว่า ไม่ใช่มติพรรค เป็นการตัดสินใจส่วนบุคคลของแต่ละคน พร้อมยกตัวอย่างอดีต สส. บางรายที่ตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยแล้ว

นายสุวัจน์  ยังประเมินภาพรวมการเมืองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันของ “การเมือง 3 ขั้ว” พรรคใหญ่ทั้งสามมีศักยภาพสูสีกัน และจะเป็นผู้กุมชะตาการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต ขณะที่การเป็นรัฐบาล หรือ ฝ่ายค้านขึ้นอยู่กับจังหวะทางการเมือง แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องกลับมาเป็น สส. ให้ได้ก่อน

ด้าน นายทวัญ ลิปตพัลลภ ระบุว่า ทิศทางของอดีต สส. และสมาชิกพรรค จะมีการหารือกันอีกครั้ง โดยหากจะไปสังกัดพรรคใด ควรไปเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน 

ขณะที่ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา อดีต สส.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคใด แม้จะมีกระแสข่าวว่ามีบางพรรคติดต่อเข้ามา โดยย้ำว่า พรรคชาติพัฒนาเป็นพรรคที่ให้โอกาสตนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก จึงต้องรอหารือร่วมกันก่อนตัดสินใจ