เศรษฐีทั้งห้า

28 ม.ค. 2566 | 10:47 น.

คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

พักนี้มีท่านนักสะสมส่งภาพผ้ายันต์ล้านนาแบบลงสีผืนเก่าๆสวยๆงดงามเข้มขลังมาผลัดกันชมมากอยู่ ของสวยงามตามคติชนวิทยาเหล่านี้ประดาท่านสล่าศิลปินผลิตผลงานออกมาดั่งว่าเทพรังสรรค์ ไหนจะทั้งสีทั้งลายได้จังหวะ โดยเฉพาะพญานาคคอคำ(คอทองคำ)ขดขวัดฉวัดเฉวียนได้ความเรียบหรูทว่าอลังการน่าอัศจรรย์งานสร้างยิ่งนัก
 
อย่างไรก็ดียังมีผ้ายันต์ร่วมยุคสมัยอยู่กลุ่มหนึ่ง ท่านผู้สร้างลงสีวาดสรร เปนกลุ่มบุรุษเศรษฐีที่มีตัวตนอยู่แต่เมื่อครั้งพุทธกาล ประกอบเข้ากับอักขระเลขยันต์สวยงามสมสมัยน่าพิศวง ศิลปินผู้รังสรรค์ท่านใช้คำว่าผ้ายันต์ปัญจะ_มหาเศรษฐี หรือยันต์เศรษฐีทั้งห้า ซึ่งว่ากันว่า ประกอบด้วย ท่านโฆสกะเศรษฐี (เศรษฐีชื่อก้อง) ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี (เศรษฐีแจกทานคนยากไร้ด้วยก้อนข้าว) โชติกะเศรษฐี  (เศรษฐีแสงสว่าง) ท่านชฏิลเศรษฐี ท่านเมณฑกะเศรษฐี (เศรษฐีแพะ) มีครบ 5 ท่าน
 
บ่งนิยามความหมายใครกราบไหว้บูชา (คุณธรรม) ของประดาเหล่าเศรษฐีผู้มีชื่อในยันต์นี้ก็จะมีความมั่งคั่งเปนเศรษฐีอย่างกับท่านบ้าง

ซึ่งที่นี้มีท่านที่น่าสนใจจะชวนท่านผู้อ่านไปดูชะตาชีวิตของ 1 ใน 5 คือว่าท่านโฆสกะเศรษฐีเสียก่อนด้วยว่าท่านผู้นี้มีชีวิตอุตลุดพลิกผันไปมา น่าสนใจยิ่งนัก
 
ในชาติที่ท่านโฆสกะเศรษฐีได้เป็นมหาเศรษฐีกับเขานี้เรื่องมีอยู่ว่าท่านเกิดมาเป็นลูกของหญิงงามเมือง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ประกอบอาชีพโสเภณีในนครนี้หากพลาดพลั้งมีบุตรขึ้นมาเขาจะไม่เก็บรักษาบำรุงเลี้ยงไว้ ตรงกันข้าม ถ้าเกิดมาเป็นธิดาถึงจะรับเลี้ยงดูแลเพื่อจะได้สืบอาชีพของมารดากันได้ต่อไป
 
เห็นดังนี้แล้วมารดาของท่านว่าที่โฆสกะเศรษฐีก็จึงว่าเอาลูกชายไปทิ้งไว้ที่กองขยะ มีคนใจบุญเก็บทารกนี้ไปเลี้ยง

วันเดียวกันนั้นเองมหาเศรษฐีใหญ่แห่งเมืองโกสัมพีที่เกิดเหตุได้เข้าเฝ้ากษัตริย์แห่งกรุงโกสัมพีตามหน้าที่ก็ได้ฟังปุโรหิตถวายคำพยากรณ์ว่าเด็กที่เกิดในวันนี้จะมีความมั่งคั่งเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีของเมือง แกจึงรีบกลับมาบ้าน เพราะว่าเมียท้องแก่ใกล้คลอดหวังใจว่าจะเปนลูกแกที่เปนเด็กคนนั้น แต่ว่าเมียก็ยังไม่คลอดสักที เศรษฐีจึงเรียกคนใช้ชื่อนางกาลีให้ไปเสาะแสวงหาเด็กที่เกิดในวันนี้ หากพบตัวที่ใดให้นำเงินก้อนไปไถ่ตัวมาเอามาให้กับแก
 
ในสมองของเศรษฐีแห่งกรุงโกสัมพีนี้คิดอยู่แต่ว่าหถ้าลูกของแกเกิดคลอดออกมาเป็นลูกสาวก็จะให้แต่งงานกับเด็กชายคนนี้ (เลี้ยงไว้รอเป็นลูกเขยว่างั้น) แต่ถ้าว่าลูกของแกคลอดมาเป็นชายแกก็จะได้ลงมือฆ่าเจ้าเด็กคนนี้เสียในฐานะว่าเป็นคู่แข่งตำแหน่งเศรษฐีคนต่อไป ว่าแล้วก็สั่งการให้นางกาลีคู่ใจน้ำเอาเด็กชายโฆสกะ ไปทิ้งไว้ที่ปากคอกเลี้ยงควาย ฝูงควายทั้งหลายตอนเช้าคอกเปิดจะออกหากินต้องเหยียบเจ้าเด็กนี่ตายแน่ ก็ให้ปรากฏว่าพญาควายจ่าฝูงเดินออกมาคน(ตัว)แรกก็ยืนคร่อมร่างของทารกไว้ทำราวกับคอยปกปักษ์รักษามิให้ควายอื่นผ่านมาเหยียบไปได้ เจ้าของคอกควาย ผิดสังเกดดังนั้นออกมาพบร่างทารกได้รับการป้องกัน รู้สึกถูกชะตาก็เก็บไปเลี้ยง มหาเศรษฐีเห็นผิดแผนฆ่าไม่ตายเลยให้นางกาลีไปไถ่ตัวเด็กมาอีก คราวนี้เอาไปโยนใส่ไว้ที่กองคาราวานเกวียนวัว อีวัวนำกระบวนก็หยุดขวางทางไว้ให้อีก เจ้าของกองคาราวานเห็นเข้าก็เอาไปเลี้ยง 
 
ข้างเศรษฐีเฒ่าเจ้าเล่ห์ก็ไปไถ่ตัวมาอีกรอบ คราวนี้เอาไปทิ้งไว้ในป่าช้าผีดิบ 55 หวังใจว่าไม่มีใครเข้าไปแถวนั้นแน่ อดนมกระเดี๋ยวก็ตาย  ก็ให้บังเอิญแม่แพะเพิ่งคลอดผ่านมาเกิดหยุดให้นมทารกได้กินซะอย่างงั้น! คนเลี้ยงแพะเห็นประหลาดอัศจรรย์ก็เอาไปเลี้ยง ก็ต้องเกิดเหตุไถ่ตัวเอาไปหาทางฆ่าใหม่กันอีก พอเอาไปโยนใส่หนามไม้ไผ่ ช่างทำเครื่องจักสานก็มาเอาไปเลี้ยง!!


 
โอ๊ย ปวดกบาล!
 
ก็อีตัวเศรษฐีเก่าเฒ่าชรานี้แกหารู้ไม่ว่า ครั้งหนึ่งกุมารโฆสกนี่เคยเกิดเปนหมา มีหน้าที่รู้ดีคอยระเเวดระวังภัยให้พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เวลาเสด็จไปไหน ก็คอยเห่าไล่สัตว์อื่นข้างทางมิให้เข้าใกล้ทำอันตรายได้ อำนาจกุศลกรรมนี้จึงคุ้มตัวให้แคล้วคลาดจากอันตรายเรื่อยมา
 
จนกระทั่งวันหนึ่งก็แกเกิดคิดแผนการร้ายได้ หลอกให้ถือประกาศหรือหนังสือใบแจ้งฆ่าตัวเองไปส่งให้เหล่านักฆ่าซึ่งเพิ่งทำอาชีพเป็นช่างปั้นหม้อบังหน้า (คล้ายกับพล็อตเรื่อง ก็อดฟาเธอร์ของฟรานซิสฟอร์ด คอปโปล่า แต่อเมริกาใช้ว่าช่างอบขนมปังบังหน้า)  
 
โฆสกะหนุ่มอ่านหนังสือไม่ออก ก็พาซื่อถือใบสั่งฆ่าตัวเองไป บังเอิญว่าระหว่างทางไปเจอลูกเศรษฐีตัวจริงเข้าเล่นพนันโต๊ะข้างถนนอยู่ ตัวจริงเขารู้สึกว่าดวงไม่ดีแทงไม่ขึ้นจึงสลับให้โฆสกะมาเล่นแทน ส่วนตัวอาสาจะถือหนังสือไปส่งให้ช่างปั้นหม้อตามพ่อสั่ง
 
ก็เอวังมีด้วยประการฉะนี้ ลูกในไส้เศรษฐีถูกเขาฆ่าเผาหั่นศพดับสะเหมียงเกลี้ยงกล้อง
 
ทีนี้ด้วยไฟแค้นสุมอกแกก็วางแผนใหม่ ให้ถือหนังสือแจ้งฆ่านั่นแหละไปหาเพื่อนเศรษฐีของแกต่างเมือง อาศัยเหตุความไม่รู้หนังสือนี้มาช่วย เมื่อไปถึงปรากฏว่าลูกสาวเศรษฐีเกิดชอบพอในความหล่อเหลางดงามของโฆสกะ แต่แอบสงสัยว่าทำไมโง่นักจึงใช้เทคนิคบางประการแกะเอกสารที่พกติดตัวมาดู พอพบว่าเป็นใบสั่งฆ่าเธอก็จัดแจงแปลงสาส์นเสียใหม่ ว่าให้พ่อจัดการแต่งชายคนนี้กับตัวเองเสีย บร้ะ!


 
งานนี้เศรษฐีเฒ่าแห่งเมืองโกสัมพีรู้ข่าวคราวก็ประสาทเสียถึงจะเส้นเลือดสมองแตก ระหว่างที่พังพาบอยู่นั้นโฆสกะก็พาเมียจอมแปลงสาส์นมาเยี่ยม เเศรษฐีเอ่ยปากคำสุดท้ายว่าสมบัติทั้งหลายของข้า ข้าไม่ให้โฆสกะ
 
เมียก็ร้องว่า ‘อะไรนะสมบัติทั้งหลายที่มีค่ายกให้โฆสกะหมดเลยหรอ’ เศรษฐีหมดแรงจะเถียงก็ขาดใจตายไป โฆสกก็ได้สืบสมบัติกลายเป็นเศรษฐีคนใหม่ในโกสัมพี 55
 
ในเวลานั้นก็มีท่านที่เขารู้คือมีอตีตังสญาณ เพ่งไปความเวิ้งว้างของวันเวลา จึงได้พบว่าในอดีตนั้นโฆสกะเคยทำทั้งความดีความชั่วมามาก ก่อนที่จะมาเกิดเป็นหมาเฝ้าพระพุทธ ในชาติที่เคยเกิดเป็นคนนั้นก็เคยได้ทอดทิ้งลูกในระหว่างการเดินทางไกลด้วยเห็นว่าลูกนี้เป็นภาระปล่อยให้ฝ่ายเสียดีกว่า แต่ทว่าเปลี่ยนใจได้ทันกลับไปรับ แต่ภายหลังเด็กก็ตาย
 
ถึงได้ผ่านพบวิบากกรรมต่างๆให้ลำบากแต่ว่าแคล้วคลาดมาได้ ประกอบกับเคยทำบุญให้ทานเอาไว้แต่เนื้อนาบุญที่ดีในยุคพระพุทธเจ้าก่อนๆ เลยมีการช่วยบรรเทาได้ มีสิทธิเปนเศรษฐี ส่วนที่ว่ามาเกิดเป็นลูกนางละครโสเภณีนั้น ก็ด้วยว่าอีตอนหมดภพภูมิของหมาคุ้มครองแล้วได้ไป เกิดเป็นเทพบุตร ก็หลงมัวเมาอยู่แต่ในกามราคะลืมปฏิบัติทิพย์ภาวนา พอหมดเวลาเข้าก็เลยซวย ต้องมาเกิดใหม่เข็ญใจแทนที่จะเร่งตัดเข้ากระแสพระนิพพาน
 
รู้ตัวได้ดังนี้นั้นแล้วก็ปลงตง ว่าเรานี้หนามิควรเลยจะซ่าทำบาปทำกรรม ยามนั้น เศรษฐีโฆสกจึงให้ตั้งโรงทาน สละทรัพย์วันละพันเพื่อสงเคราะห์คนเดินทางไกลและคนกำพร้า มอบหมายให้ นายมิตตะ เป็นผู้ดูแลโรงทาน อีกทั้งยังถวายภัตตะแด่พระดาบส ๕๐๐ รูป ในป่าหิมพานต์ใกล้กรุงโกสัมพีเป็นประจำ สร้างอารามต่างๆโดยเฉพาะโฆสิตารามถวายพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันไว้ด้วย
 
ทีนี้ว่าประดาเศรษฐีต่างๆที่ขึ้นชื่อในสมัยพุทธกาลนั้นโดยมากแล้วหลังจากที่ได้ฟังพระธรรมมาเทศนาของพระบรมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ ก็มักจะได้บรรลุมรรคผลเป็นอริยะบุคคล ที่ชั้นต่ำที่สุดก็ได้เป็นอย่างน้อยที่พระโสดาบัน นับว่าเป็นผู้มีความสามารถในทางโลกด้วยทางธรรมด้วย การได้นับถือบูชาคุณธรรมหรือศึกษาประวัติความเป็นมาของท่านเหล่านี้นอกจากจะได้สะท้อนตัวเองถึงแนวทางปฏิบัติแล้วยามนั่งมองดูรูปอักขระเลขยันต์ล้านนา อาจมีบางมุมแลเห็นสะท้อนถึงข้อคิดสะกิดใจต่างๆขึ้นมา ซึ่งอาจส่งผลให้กลายเป็นเศรษฐีกับเขาขึ้นมาบ้างก็เป็นไปได้ ส่วนท่านที่เป็นเศรษฐีอยู่แล้วทั่วไป เกิดไปได้ยันต์เศรษฐีเก่ามาศึกษาบูชา ก็มีแนวโน้มว่า ‘วิชาเศรษฐี’ ที่ซ่อนอยู่ลึกลึกในประวัติศาสตร์ความเป็นมาและประสบการณ์อาชีพของบุคคลซึ่งดิ้นรนฝัน และฟันฝ่าจนมาเปนเศรษฐีนั้น จะสามารถส่งผลให้ท่านเลือกใช้เทคนิฆวิธีอย่างพวกเขา จนสามารถรักษาทรัพย์ศฤงคารและสถานะความเป็นเศรษฐีมั่งมีเอาไว้ให้ยั่งยืนได้ตลอดๆไป


นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18  ฉบับที่ 3,857 วันที่ 29 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566