โรคต้อหิน (Glaucoma) เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะตาบอดที่เกิดขึ้นทั่วโลก สามารถพบได้ในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย เป็นกลุ่มโรคที่มีการเสื่อมของขั้วประสาทตา ส่งผลให้เกิดการสูญเสียลานสายตาและการมองเห็นอย่างถาวร
ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาต้อหินหลากหลายวิธี แต่สำหรับผู้ป่วยที่การรักษาด้วยยาและเลเซอร์ไม่สามารถควบคุมความดันตาให้กลับมาปกติได้ การผ่าตัดจึงเป็นทางเลือกสำคัญในการป้องกันการสูญเสียการมองเห็นที่อาจรุนแรงขึ้น
แพทย์หญิงพรปวีณ์ จินดารักษ์ จักษุแพทย์ชำนาญการด้านโรคต้อหิน โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดต้อหินได้แก่ ความดันลูกตาที่สูง ซึ่งอาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเนื่องจากความเสื่อมของลูกตา หรือเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เช่น การใช้ยา การผ่าตัด อุบัติเหตุ หรือโรคร่วมอื่น ๆ โดยโรคต้อหินมักไม่มีอาการในระยะแรก แต่เมื่อเริ่มมีสัญญาณเตือนควรรีบพบแพทย์ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามจนสูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุด
แนวทางการรักษาต้อหินในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ได้แก่
สำหรับผู้ป่วยที่การรักษาด้วยยาและเลเซอร์ไม่สามารถควบคุมความดันตาให้กลับมาปกติได้แล้ว การผ่าตัดจึงเป็นทางเลือกสำคัญในการป้องกันการสูญเสียการมองเห็นที่อาจรุนแรงขึ้น
การผ่าตัดต้อหินจะใช้วิธีการผ่าตัดสร้างทางระบายน้ำในลูกตาแบบแผลใหญ่ (Trabeculectomy) แม้จะมีประสิทธิภาพสูงในการลดความดันตา แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงจากการผ่าตัดที่เปิดแผลขนาดใหญ่ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะความดันตาต่ำเกินไป หรือการเกิดพังผืดและแผลเป็นหลังผ่าตัด
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ป่วยมากขึ้น จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีผ่าตัดรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า MIGS หรือ Minimally Invasive Glaucoma Surgery ซึ่งเป็นการผ่าตัดผ่านแผลขนาดเล็ก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเจ็บปวดและระยะเวลาพักฟื้นของผู้ป่วย รวมถึงลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังผ่าตัด
การผ่าตัด MIGS คือ “ PreserFlo MicroShunt ” ซึ่งเป็นท่อขนาดเล็กที่ได้รับการออกแบบเพื่อช่วยระบายน้ำในลูกตา ให้ออกไปยังบริเวณใต้เยื่อบุตาขาวด้านหลังลูกตา ทำให้ความดันในตาลดลงอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยอุปกรณ์ชิ้นนี้มีขนาดเล็กกว่าขนตาเพียงเล็กน้อย ความยาวประมาณ 8.5 มิลลิเมตร ผลิตจากวัสดุทางการแพทย์ชนิดพิเศษที่ชื่อว่า SIBS ซึ่งทนทานต่อการสึกกร่อน ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบหรือกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย
PreserFlo MicroShunt จะถูกใส่เข้าไปในช่องหน้าม่านตาผ่านแผลขนาดเล็ก โดยส่วนปลายของท่อที่อยู่ภายในลูกตามีลักษณะลาดเอียง และมีครีบขนาดเล็กช่วยยึดอุปกรณ์ให้อยู่กับที่ ซึ่งระหว่างการผ่าตัด แพทย์จะใส่ยาป้องกันการเกิดพังผืด เพื่อช่วยให้ทางระบายน้ำคงประสิทธิภาพได้นานที่สุด
ข้อดีที่สำคัญของ PreserFlo MicroShunt คือสามารถควบคุมการไหลของน้ำในลูกตาได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ความดันตาหลังผ่าตัดไม่ต่ำจนเกินไป ซึ่งลดโอกาสเกิดภาวะ hypotony หรือภาวะความดันลูกตาต่ำกว่าปกติ ได้ดีกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังลดการพึ่งพายาหยอดตาหลายชนิดในระยะยาว ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ป่วย
เทคโนโลยีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นต้อหินชนิดมุมเปิดตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงปานกลาง โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่สามารถควบคุมความดันตาได้ด้วยการใช้ยา หรือมีข้อจำกัดในการใช้ยาหยอด เช่น แพ้ยา หรือหยอดยาได้ไม่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ PreserFlo MicroShunt ยังสามารถทำร่วมกับการผ่าตัดต้อกระจกได้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีทั้งสองปัญหาพร้อมกัน