ใครๆ ก็อยากไปกับ“หนู” อยู่กับ“ครูใหญ่”

11 ต.ค. 2568 | 23:30 น.

ใครๆ ก็อยากไปกับ“หนู” อยู่กับ“ครูใหญ่” : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...การแฟขม หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4139 วันที่ 12 -15 ตุลาคม พ.ศ. 2568

KEY

POINTS

  • พรรคภูมิใจไทยภายใต้การนำของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล กำลังใช้พลังดึงดูด ส.ส. และกลุ่มการเมืองบ้านใหญ่ต่างๆ ให้ย้ายเข้าสังกัดพรรค
  • นายกฯ อนุทินยอมรับและภูมิใจกับการดึงตัว ส.ส. โดยมองว่า เป็นการได้คนดีเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน หรือที่เรียกว่า “ภูมิใจดูด”
  • เป้าหมายหลักของการรวบรวม ส.ส. ครั้งนี้ คือ การสร้างฐานเสียงเพื่อสนับสนุนให้ นายอนุทิน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก 4 ปี

*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ “ลึก ตรงประเด็น เห็นโอกาส”ฉบับ 4139 ระหว่างวันที่ 12-15 ต.ค.2568 โดย...กาแฟขม

*** ปี่กลองการเมืองเชิด ตลาดนัด ส.ส.เปิด ช่วงตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป แทบทุกพรรคการเมือง ทะยอยเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กันคึกคัก แกนนำ กลุ่มทุนแต่ละพรรค ต่างใช้พลังดูดว่าที่ผู้สมัครส.ส.กันคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มบ้านใหญ่ทั้งหลาย แน่นอนกลุ่มนักการเมืองที่จะลง ส.ส.ก็มีความคาดหวัง จะได้ไปอยู่กับพรรคการเมืองที่มีโอกาสเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคการเมืองที่ใช้พลังดูดเข้ามาก็หวังรวบรวม ส.ส. ให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล หรือ ถ้าเป็นพรรคใหญ่อันดับ 2 จะนำจำนวนส.ส.ไปต่อรองโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี การเมืองไทยวนลูปเป็นเช่นนี้ ฉะนั้นอย่าได้คาดหวังรัฐมนตรีภาพลักษณ์ดี ผู้นำ ผู้บริหารเก่ง ในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าให้ทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศ 

*** พลังดูดหนักหน่วงคาบนี้เห็นจะเป็น พรรคภูมิใจไทย ไดโว่สีนํ้าเงิน ที่หัวหน้าพรรคอย่าง นายกฯหนู อนุทิน ชาญวีรกูล ออกมายืนยันเอง ถ้าดูดได้ ส.ส.ดีๆ เข้ามารับใช้ประชาชนก็ภูมิใจ ยอมรับ “ภูมิใจดูด” ที่เห็นไปกันคึกคัก เป้าบ้านใหญ่แต่ละจังหวัด ภาคใต้อันดามันไปแล้วแทบทั้งหมด ระดับนำคาดหวังกวาดอย่างน้อย 30 เก้าอี้ ส.ส.

ขณะที่ ภาคอีสาน โคราช ขอนแก่น สุรินทร์ ศรีษะเกษ และยังมีพรรคเฉพาะกิจที่แตกยับกันออกมา ไหลเข้าบ้านสีนํ้าเงิน ไม่เว้นแต่ละวัน เหลือเฉพาะที่ยังเป็น ส.ส.เขตอยู่ ที่รอนับ วันเวลา ในการย้ายเข้ามาสมทบเป็นทางการ สานฝันให้นายกฯ หนู ไปต่ออีก 4 ปี จากนี้ไปจะเห็นการทะยอยเปิดตัวเป็นระยะๆ มาเรื่อยๆ ก็นะ “ใครๆ ก็อยากไปกับหนู อยู่กับครูใหญ่”

*** ดูดกันยกใหญ่ ไฟแล่บแบบนี้ ชะรอยว่า "ยุบสภา" จะมาก่อนที่กะเก็งกันไว้ที่ 31 ม.ค.2569 เป็นแม่นมั่น เอาเป็นว่า หลัง “คนละครึ่งพลัส” ออกปลายเดือน พอกระตุกกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคัก ขยับนโยบายควิกวินบางรายการที่เห็นผลเร็ว ตีฟองให้ฟูฟ่องขึ้นมาหน่อย ไปพร้อมๆ กับโยกย้ายข้าราชการ ตั้งผู้บริหารปรับเปลี่ยนบอร์ดหน่วยงานรัฐวิสาหกิจซะหน่อย หลังปีใหม่มาประกาศเปรี้ยงเลย ก็ใช่ว่าจะเป็นไม่ได้ ก็เป็นไปตามเงื่อนไข อยู่ในกรอบ MOA 

*** เรื่องนี้สำคัญ เมื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไปพูดในเวที “The Rule of Law Forum ครั้งที่ 3” หัวข้อ “การฟื้นฟูโครงสร้างเชิงระบบและหลักนิติธรรม เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” บอกรัฐบาลมีแผนดำเนินการเพื่อนำไปสู่เส้นทางของการเป็นสมาชิก OECD ที่ต้องมีมาตรฐาน มีธรรมาภิบาล มีหลักนิติธรรม มีการวาง Roadmap ด้านหลักนิติธรรม ปักหมุดแผนการยกระดับมาตรฐานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ปลดล็อกคอร์รัปชันและปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ ป้องกัน ช่องโหว่ทางกฎหมายไม่ให้เกิด “ธุรกิจสีเทา” สร้างความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชน

*** หลักนิติธรรม ถูกอ้างถึงบ่อยแต่กลับมีผู้นำไปใช้ผิด นายกฯหนู ยืนยันยึดถือหลักนิติธรรม และนำหลักธรรมไปประกอบในการใช้ชีวิตตั้งแต่สมัยประกอบธุรกิจ จนเป็นนักการเมืองและนายกรัฐมนตรี ความยุติธรรมเสมือนเสาเข็มของทุกสังคม ความยุติธรรมต้องเป็นของทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่มีประเทศใดในโลกจะแข่งขันได้อย่างยั่งยืน หากขาดหลักนิติธรรมที่มั่นคง ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมาย แต่คือวัฒนธรรมแห่งความเป็นธรรมที่ต้องปลูกฝังให้หยั่งรากในทุกระดับของสังคม หน่วยงานรัฐเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องยึดหลักนิติธรรมอย่างเข้มแข็ง มีความกล้าหาญบังคับใช้กฎหมายเพื่อความถูกต้อง เที่ยงธรรม และไม่ยอมให้กระบวนการยุติธรรมถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง กลั่นแกล้ง กดดัน และข่มขู่ หลักนิติธรรมคือ ต้นทุนของความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ เป็นการให้นิยาม คำจำกัดความและหลักที่ชัดเจน ที่ต้องบันทึกไว้ 

                                   ใครๆ ก็อยากไปกับ“หนู” อยู่กับ“ครูใหญ่”

*** มาแล้ว มาเร็ว มาแน่ พ.ย.นี้ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประกาศเปรี้ยงโซลาร์ภาคประชาชน จะประกาศรับซื้อไฟฟ้าภายใต้โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน มีเป้าหมายกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์ได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ น่าจะอยู่ที่ชุมชนละไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนได้กว่า 30,000 ล้านบาท จ้างงานกว่า 1,600 ตำแหน่ง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 0.8 ล้านตันต่อปีแถมพ่วงไปกับโซลาร์สูบนํ้าเพื่อการเกษตร 1,200 ระบบ โดยตั้งเป้าหมายในระยะแรก 50 ระบบ ซึ่งคาดว่าจะเกิดเม็ดเงินผ่านลงทุนกว่า 12,500 ล้านบาท ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้ 87.5 เมกะวัตต์ และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 0.6 ล้านตันต่อปี 

คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...กาแฟขม หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,139 วันที่ 12 -15 ตุลาคม พ.ศ. 2568