IPO ป่วยใกล้ตาย...ใครจะรักษา!

11 พ.ย. 2568 | 23:00 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ย. 2568 | 07:26 น.

IPO ป่วยใกล้ตาย...ใครจะรักษา! : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

KEY

POINTS

  • สภาวะตลาดหุ้น IPO อยู่ในภาวะถดถอย โดยหุ้นเข้าใหม่ส่วนใหญ่มีราคาซื้อขายในตลาดต่ำกว่าราคาจองซื้อ
  • สาเหตุสำคัญเกิดจากการตั้งราคาเสนอขาย (IPO) ที่สูงเกินมูลค่าพื้นฐานของบริษัท และการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน
  • บริษัทที่เข้าระดมทุนส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแบบดั้งเดิม ขาดนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน

*** นาทีนี้ถ้าจะบอกว่า ตลาดหุ้น IPO กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างถึงที่สุดก็น่าจะไม่ผิด เพราะหากตามดูให้ดีจะพบว่าหุ้นเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นของบริษัทไหน หรือ ใครจะเป็นคนทำต่างก็เผชิญหน้ากับปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือ ราคาหุ้นหน้ากระดานต่ำกว่าราคาจองซื้อ 

ส่วนที่จะเป็นตั้งแต่วันแรก วันที่สอง วันที่สาม หรือ ในสัปดาห์ถัดมา ก็อาจแตกต่างเพียงในเรื่องเวลาที่จะเกิดขึ้น แต่ในท้ายที่สุดก็จบลงที่จุดหมายที่ไม่แตกต่างกัน

ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะพบว่า มีหุ้น IPO เข้าตลาดมาแล้ว แบ่งเป็นตลาด SET จำนวน 6 ตัว มีพียง TURBO ที่ยังสามารถยืนเหนือราคาจอง ขณะที่ตลาด mai มีหุ้น IPO จำนวน 11 ตัว พบว่า ล่าสุดราคาหุ้นต่ำกว่าราคาจองถึง 6 ตัว 

ในขณะที่นับตั้งแต่เดือนตุลาคม มาจนถึงปัจจุบัน มีหุ้น IPO เข้าตลาดทั้งหมด 9 ตัว มีเพียง 88TH เท่านั้นที่ยังยืนเหนือราคาจองได้ ตามตารางนี้

                         IPO ป่วยใกล้ตาย...ใครจะรักษา!
ว่าแต่สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น IPO ต่ำจอง นอกจากสิ่งที่เจ๊เมาธ์เคยพูดถึงแล้วยังมีปัญหาอื่นใดอีกบ้าง....

ปัญหาแรก... ที่ทำให้ราคาหุ้นหน้ากระดานต่ำกว่าราคาจองซื้อหนีไม่พ้นไปจากเรื่องของการตั้งราคาขาย เพราะหากรื้อดูข้อมูลจะพบว่า มีหุ้น IPO ของหลายบริษัทถูกตั้งราคาขายสูงกว่าราคาที่ควรจะเป็นอย่างไร้สาระ

ไม่ว่ากันไกลตัว...เอาแค่ดัชนีชีวัดพื้นฐาน เช่น อัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี (Price to Book Value Ratio : P/BV) หรืออัตราส่วนราคาต่อกำไรค่า (Price to Earnings Ratio : P/E) พบว่าหลายบริษัทตั้งไว้สูงกว่าที่ควรจะเป็น ก่อนจะยัดหุ้นให้กับลูกค้าผ่านการสร้างภาพในทุกช่องทาง จนกลายเป็นการ “ตีหัวเข้าบ้าน” เพื่อดูดเงินให้ได้มากที่สุด โดยไม่สวนใจว่าลูกค้าที่จองซื้อควรจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ค่า Premium เพราะให้ความเชื่อมั่นมากกว่าใคร

ปัญหาที่สอง... เรื่องของความเชื่อมั่น กรณีนี้นักลงทุนหลายคนเริ่มรู้สึกได้ว่า ถ้าชอบหุ้นชอบธุรกิจแต่ไม่ถูกใจราคาจอง ก็เพียงแค่รอซื้อบนหน้ากระดาน เพราะได้ต่ำกว่าราคาจอง ส่วนนักลงทุนที่ชอบก็ซื้อ...ไม่ชอบก็ผ่าน ซึ่งปัญหานี้ในท้ายที่สุดจะลุกลามไปจนส่งผลให้การระดมทุนด้วยหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ กลายเป็นเพียงแค่เรื่อง “ไร้สาระ” ที่จะทำกันเพียงแค่จดทะเบียนและทำเอกสารแล้วเอาหุ้นเข้าตลาดเงียบๆ ไม่ต้องมีกันแล้วทั้งงานประชาสัมพันธ์ หรือ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นอะไรพวกนี้ต่อไปอีกแล้ว

ปัญหาที่สาม...ซึ่งน่าจะสำคัญที่สุด เป็นเรื่องของธุรกิจที่เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นของไทย เป็นเพียงธุรกิจเก่าๆ เดิมๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ขาดนวัตกรรม (Innovation) ไม่มีเทคโนโลยีที่เท่าทันโลก (Technologies) ไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนได้ และแน่นอนว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงทิศทางและนโยบายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะผู้ดูแลโดยตรง 

นอกจากนี้ ยังถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องส่งเสริมเพราะหากยังหาธุรกิจใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นระบบเศรษฐกิจไม่ได้ ก็เชื่อได้ว่า ตลาดทุนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจทั้งหลายในประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็น 

ก็อย่างที่เจ๊เมาธ์บอกไปแล้วว่า ถ้าหากยังคัดเลือกและดึงดูดบริษัทใหม่ๆ ที่มีศักยภาพให้เข้ามาระดมทุนอีกไม่ได้ เราก็คงจะเห็นตลาดหุ้น IPO มีเพียงธุรกิจเดิมๆ ในขณะที่ยังทำโดยคนกลุ่มเดิมๆ และถ้ายังแก้ไขไม่ได้ ตลาดหุ้น IPO ของไทย ก็คงจะไม่มีนักลงทุนหน้าไหนให้ความสนใจกล้าลงทุน จนเข้าสู่สถาพของคนไข้ที่กำลังป่วยจนใกล้จะตาย แต่ยังไม่รู้ว่าจะมีหมอดีที่ไหนมารักษา!!!

ท้ายที่สุด สิ่งที่เหล่านักการเมือง รวมถึงรัฐมนตรีหลายคนเคยพูดว่าจะทำให้คนไทย “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ก็คงจะกลายเป็น “ไม่มีกิน ไม่มีใช้ หมดเกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี” และยังต้องก้มหัวก้มหน้ารับกรรมต่อไปแบบนี้อีกหลายปีเจ้าค่ะ