KEY
POINTS
*** ถ้าจะเรียกช่วงนี้ว่าเป็น “นาทีทอง” ในการที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หน้าใหม่ๆ จะเร่งในการนำหุ้น IPO ของบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทั้ง SET และ mai ก็น่าจะไม่ผิด
ทั้งนี้ก็เนื่องจากในช่วงเวลาเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงฮันนีมูน (Honeymoon) หลังรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ของ นายกฯ อนุทิน พร้อมกับรัฐมนตรีภาพลักษณ์ดีหลายคน ได้เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้นักลงทุนเกิดเชื่อมั่นจนกล้าที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้หุ้น IPO หลายตัวที่รอเวลามานานคว้าโอกาส ที่จะดันบริษัทเข้าซื้อขายหุ้นเป็นวันแรกในตลาดหุ้น
แน่นอนว่า ในบรรดาหุ้นที่จดทะเบียนอยู่ทั้งในตลาดฯ SET และ mai หลายตัวเปิดราคาซื้อขายครั้งแรกได้เหนือราคาจอง แต่ขณะเดียวกัน ก็มีหลายบริษัทเปิดต่ำกว่าราคาจองซื้อเช่นเดียวกัน....
ว่าแต่สิ่งที่ทำให้ราคาหุ้น IPO สูง หรือ ต่ำกว่าราคาจองซื้อตั้งแต่วันเริ่มทำการซื้อขายมาจากสาเหตุใด???
ประเด็นแรก...คงหนีไม่พ้นไปจากเรื่องของธุรกิจหลัก และผลการดำเนินงานของบริษัท ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ซึ่งหากจะมองกลับไปในช่วงปีที่ผ่านมา เจ๊เมาธ์เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน หรือ นักลงทุนต่างชาติ ต่างก็รู้ว่า ธุรกิจของบริษัทที่เข้าตลาดฯ ส่วนใหญ่เป็นเพียงธุรกิจเก่าๆ เดิมๆ ที่ไม่สามารถดึงดูดความสนใจ (Sexy) ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ขาด นวัตกรรม (Innovation) ไม่มีเทคโนโลยีที่เท่าทันโลก (Technologies)
ขณะเดียวกัน หลายบริษัทที่เข้าตลาดมาแล้ว....หากจับสังเกตจะพบว่า หลายบริษัทผลการดำเนินงานมักจะสวย หรือ ดูดีแค่เพียงในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ก่อนเข้าตลาดฯ แต่หลังจากที่เข้าตลาดฯ บริษัทเหล่านี้ก็เริ่มขาดทุนทันที...ทั้งที่ธุรกิจก็ทำเหมือนเดิม
กรณีนี้อาจทำให้ถูกมองได้ว่า เป็นฟอกขาว (White wash) บริษัทด้วยการตกแต่งบัญชี ประมาณว่าดึงตัวเลขในอนาคตมาใช้ แม้บางครั้งจะบอกว่า แนวโน้มทางการตลาดเปลี่ยนไป แต่เจ๊เมาธ์ก็มองว่าถึงจะเปลี่ยน...แต่ไม่น่าเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้....
ประเด็นที่สอง... คือ เรื่องของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) ซึ่งทำหน้าที่ในการเป็นผู้ช่วยวางแผนการบริหารและวางระบบทางการเงิน ว่ามีความเป็นมืออาชีพแค่ไหน เพราะเรื่องของพื้นฐานหากทำได้ดีก็ดีต่อเนื่องไปได้ยาวๆ แต่หากทำได้ไม่ดี ก็คงเป็นเพียงแค่การช่วยบริษัทตกแต่งตัวเลขทางบัญชี เพื่อให้เข้าตลาดได้เท่านั้น
ประเด็นที่สาม...เป็นเรื่องของการเลือกบริษัทที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ (PR) แม้ว่าการเลือกบริษัทที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัทที่จะทำ IPO อาจไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของราคาหุ้นโดยตรง แต่ในฐานะที่เจ๊เมาธ์เอง ก็ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนเช่นกัน เจ๊พบว่า การใช้การสื่อสารทางตรงเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะที่สามารถสื่อสารเข้าถึงกลุ่มของนักลงทุนได้จริง มีความสำคัญมากกว่าการใช้สื่อมวลชนที่สื่อสารได้ในมุมกว้าง แต่ไม่เกิดความจำเพาะ (Specificity)
ทั้งนี้ PR บางสำนักรับงานเพียงเป็นอย่างเดียว แต่กลับแยกความต่างของงานไม่ได้ ท้ายที่สุด...ก็ทำให้ทิศทางของการสื่อสารผิดไปจากกลุ่มเป้าหมายที่ควรจะเป็น
เรื่องนี้เจ๊เมาธ์ไม่จำเป็นต้องระบุโดยตรง...แต่เจ๊เชื่อว่าในวงการต่างรู้กันดีว่าเป็นใคร!!!
ประเด็นที่สี่...เป็นเรื่องของการคัดเลือกผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น (Lead and Co Underwriter) ซึ่งจะกลายเป็นผู้มีส่วนสำคัญที่สุดในการขาย หรือ ส่งผ่านหุ้น IPO จากเจ้าของหุ้นเดิมไปสู่นักลงทุน ซึ่งในมุมนี้ หากพิจารณาในช่วงเวลา 1-2 เดือนที่ผ่านมา จะพบว่า มีบริษัทหลักทรัพย์ เค. เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ทำหน้าที่ทั้ง Lead และ Co Underwriter ให้กับหลายบริษัท IPO
ขณะเดียวกันก็พบว่า หุ้น IPO หลายตัวที่ใช้บริการของบริษัทหลักทรัพย์แห่งนี้ ไม่สามารถจำหน่ายได้หมดจนเกิดปัญหาตามมา
เอาจริงๆ เจ๊เมาธ์ไม่รู้และไม่แน่ใจว่า จะเป็นเพราะบริษัทหลักทรัพย์ (บล.เค) ที่ว่าแห่งนี้ ไม่สามารถกระจายหุ้นให้นักลงทุนได้จริง หรือ เป็นเพราะจงใจไม่ต้องการกระจายหุ้นออกไป
แต่ที่แน่ๆ คือ มีหุ้นก้อนใหญ่ (จำนวนมาก) ซึ่งแทนที่จะถูกกระจายไปในเส้นทางที่เป็นปกติ กลับถูกส่งไปยัง “นักปั่น” ซึ่งพยายามทำตัวเป็น “จ้าว” โดยในช่วงหลังนักปั่นหุ้นกลุ่มนี้ มักจะใช้เกม “เล่นกรอบล่าง” ซึ่งก็คือ การเทขายหุ้นที่อยู่ในมือออกมาให้มากที่สุดในช่วงก่อนการเปิดตลาด เพื่อเป็นการ “กดดัน” ให้นักลงทุนรายย่อย หรือนักลงทุนซึ่งมีสายป่านไม่ยาวพอ เกิดภาวะแตกตื่น (Panic) จนยอมขายหุ้น IPO ที่อุตส่าห์จ่ายเงินจองซื้อล่วงหน้าทิ้งในทุกย่านราคา...
จนท้ายที่สุด...นักปั่นกลุ่มนี้จะไล่เก็บหุ้นที่กรอบราคาต่ำๆ ซึ่งมีลักษณะที่คล้ายกับการยืมหุ้นมาขายชอร์ต (Short Selling) แล้วเล่น รอบ รินขายหุ้นในราคาต่ำ (กรอบล่าง) โดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของบริษัทที่ราคาหุ้นต่ำจอง และไม่สนใจว่าจะมีใครเดือดร้อน เพราะที่แน่ๆ สิ่งที่คนกลุ่มนี้ได้จากการเล่นในรอบซื้อขายหุ้นกรอบล่างในรูปแบบนี้ ก็คือจะได้เงินสดๆ ที่เหลือจากการหักลบกลบหนี้เข้ากระเป๋า ทั้งนี้เจ๊เมาธ์ก็ไม่รู้และไม่แน่ใจว่า ที่จริงแล้ว นักปั่นหุ้นเป็นจ้าวหรือ บล.เค ที่ว่าคือจ้าวที่อยู่เบื้องหลังกันแน่....
ที่เจ๊เมาธ์ว่ามาทั้งหมด เป็นภาพรวมของตลาดหุ้น IPO ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้อนาคตของตลาดหุ้นฯ เดินไปข้างหน้า หรือ เดินถอยหลังในฐานะผู้สังเกตการณ์
อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกและดึงดูดบริษัทใหม่ๆ ให้สนใจเข้ามาระดมทุน ก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับการส่งเสริมของตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) ว่าจะทำอย่างไร หรือ วางกติกาแบบไหน จึงจะดึงดูดบริษัทใหม่ และธุรกิจใหม่ๆ เข้ามา
...เพราะหากสภาวะตลาดฯ ยังเป็นแบบนี้ หุ้น IPO ตัวใหม่ๆ ก็มีแต่ธุรกิจเดิมๆ พร้อมทั้งยังมีการเล่นการปั่นคงทำโดยคนกลุ่มเดิมๆ ตลาดหุ้นไทยก็คงคลาย...และเสน่ห์ก็หดหายลงไปทุกวันนั่นเองค่ะ
คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์