KEY
POINTS
*** ดัชนีหุ้นไทยปรับร่วงลงทันที ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิทัย รัตนากร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แทนที่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ 30 กันยายน 2568 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ อาจมีการวิเคราะห์ว่า จะมีการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะคาดว่าอาจจะใช้วิธีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี
แต่เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อราคาหุ้นธนาคาร โดยการรอให้ทุกธนาคารแจ้งผลการดำเนินงานออกมา พร้อมทั้งลดความร้อนแรงของตลาดหุ้น ที่อาจสร้างแนวโน้มของภาวะการเก็งกำไรระยะสั้น ก่อนที่ ครม.จะอนุมัติรายชื่อผู้ว่า ธปท.คนใหม่ และนั่นจึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไมการเสนอชื่อของ วิทัย ให้ ครม.พิจารณา จึงถูกเลื่อนมาหนึ่งสัปดาห์นั่นเอง
แต่ไม่ว่าใครต่างก็รู้ว่าจะต้องเป็น นายวิทัย ...ทำให้เมื่อแต่งตั้งขึ้นมาจริง ตลาดหุ้นไทยจึงเกิดภาวะ Sell on Fact ขึ้นอย่างที่เห็น
อย่างไรก็ตาม...การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาตอบรับไปก่อนหน้ามาแล้วทั้งสัปดาห์ แม้ว่าราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารที่จะได้รับผลกระทบจากการลดดอกเบี้ย ต่างพร้อมใจปรับราคาลงไปบ้าง
แต่ในทางกลับกัน หุ้นในกลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากการลดดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นลีสซิ่งใหญ่ หุ้นกลุ่มนอนแบงก์ หุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯ รวมไปถึงบริษัทอีกเป็นจำนวนมาก ที่จะได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงที่ปรับตัวขึ้น ได้ส่งผลให้ในภาพรวมดัชนีหุ้นไทยต่างขยับขึ้น ราคาสวนทางขึ้นมา ส่งผลให้ภาวะ Sell on Fact ที่เกิดขึ้นนี้ อาจเป็นเพียงเรื่องการทำกำไรในระยะสั้น ไม่ได้มีเหตุผลอื่นแทรกซ้อนแต่อย่างใด
*** นอกจากประเด็นของ ว่าที่ผู้ว่า ธปท. คนใหม่ที่ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นมา ยังมีเรื่องที่ราคาหุ้นของ AOT ที่แอบกลับตัวขึ้นกว่า 30% ในเวลาเพียงเดือนเดียว ภายหลัง King Power มีหนังสือขอหารือแนวทางยกเลิกสัญญาอนุญาต ให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และ สนามบินภูมิภาค (เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่)
โดยอ้างเหตุผลทั้งในทางตรงและทางอ้อมที่ทำให้ “คิงเพาเวอร์” ไม่สามารถประกอบกิจการและปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้ ถึงแม้ “หนังสือหารือ” ที่ว่าเป็นเพียงการขอหารือ ซึ่งเจ๊เมาธ์เคยตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า สัญญาธุรกิจระหว่าง AOT กับ King Power มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท ไม่ใช่เรื่องของ “เด็กเล่นขายของ” ที่นึกอยากจะทำก็ทำ หรือ นึกอยากจะเลิกก็เลิก
อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ว่าก็ส่งผลให้นักลงทุน “แตกตื่น” จนหลายคนถึงกับยอมขายขาดทุนเป็นจำนวนมาก ก่อนที่ต่อมาจะมีข่าวเชิงบวกออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวกองทุนต่างชาติ ที่เข้ามาเจรจากับ King Power ข่าวนักท่องเที่ยวชาวจีน ได้เริ่มกลับมาปรับเพิ่มขึ้น
โดยข้อมูลเหล่านี้ต่างส่งผลดีจนทำให้ราคาหุ้นของ AOT กลับตัวขึ้นมาในทิศทางที่เป็นบวก อาการก่อนหน้าจึงคล้ายการถูก “ทุบ” อย่างน่าสงสัย
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นในจังหวะที่แทบจะไม่มีปัจจัยบวกก็เป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้เป็นหุ้นตัวกลางตัวเล็กที่จะโดนทุบกันมานาน มาคราวนี้จะเป็นหุ้นตัวใหญ่ ที่อาจจะโดนทุบกันบ้าง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนะคะ จะแปลกอยู่บ้างก็ตรงที่ทุกอย่างดูเหมือนทำกันเป็นกระบวนการเท่านั้น ก็หวังว่าคงไม่เป็นเช่นนั้นนะเจ้าค่ะ
คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์