50 ปี ตลาดหลักทรัพย์ กับ พัฒนาการที่ท้าทาย?!?

01 ก.ค. 2568 | 23:00 น.

50 ปี ตลาดหลักทรัพย์ กับ พัฒนาการที่ท้าทาย?!? : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

*** ในช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำลังฉลองครบรอบอายุ 50 ปี เป็นจังหวะเดียวกับที่ประชุมคณะตุลาการธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 2 สั่งให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่กรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง นางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและประธานวุฒิสภาของกัมพูชา หลังสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้ตุลาการศาลธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่... 

แต่ก่อนที่จะว่ากันไปถึงเรื่องทางการเมือง ที่อาจจะเกิดขึ้นในตอนต่อไป วันนี้เรามาว่ากันถึงเรื่องที่ตลาดหุ้นไทย ที่อายุครบ 50 ปี ในช่วงหลายปีที่มามีอะไรดีขึ้นมาบ้างหรือไม่ดีกว่า!!! 

อย่างแรก เป็นปัญหาที่มาจากช่องว่างของกฎเกณฑ์ของตลาดฯ ที่ค่อนข้างล้าสมัย จนเป็นเหตุให้ผู้คุมกติกา (Regulators) มักตามเล่ห์เหลี่ยมของแก๊งมิจฉาชีพ ที่คอยจ้องหาผลประโยชน์อยู่ตลอดเวลาไม่ทัน 

ไม่ว่าจะเป็นการตั้งบริษัทขึ้นมา “โกง” โดยตรง เช่น กรณีของ STARK หรือ กรณีของการ “จำนำหุ้น” จนถูกเรียก Margin Call ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงหนักเช่นที่เกิดขึ้นกับ MORE OTO SABUY YGG NEX หรือ กรณีของดูดเงินออกจากระบบของตลาดหุ้นผ่านทาง Short Selling และ Naked Short Selling ผ่านเข้ามาทางฝรั่งหัวทองและหัวดำ ซึ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงความอ่อนแอของผู้คุมกติกาของตลาดหุ้นไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 อย่างที่สอง เป็นเรื่องของตัวเลขดัชนีหุ้นไทย ซึ่งตอนนี้เคลื่อนที่อยู่ในระดับ 1100 จุด ซึ่งหากเทียบกับจุดสูงสุดที่ 1800 จุดกว่า เมื่อ 7 ปีก่อน (2561) หรือ 1700 จุดกว่าๆ เมื่อ 3 ปีก่อน (2565) ก็จะพบว่าตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เผชิญหน้ากับการปรับลดลงติดต่อกันแล้วกว่า -38% หรือ 10 ไตรมาส ซึ่งเป็นการปรับลงติดต่อกันยาวนานมากที่สุดนับจากปี 2000 

โดยในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา SET ถูกกดดันจากปัจจัยลบทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ทั้งเรื่องของเสถียรภาพของรัฐบาลที่เหลือเสียงในสภาเกินครึ่งเล็กน้อย รวมไปถึงมีโอกาสที่สงครามตะวันออกกลางและสงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ซึ่งอาจบานปลายมากขึ้น  

อย่างไรก็ตาม ...ในกรณีที่ดัชนีหุ้นประสบภาวะถดถอย แม้ไม่อาจกล่าวโทษตลาดหลักทรัพย์ไทยเพียงฝ่ายเดียวได้ แต่ความเปราะบางที่มาจากการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่มีต่อตลาดฯ ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับตลาดหุ้นไทยในทางตรงอยู่ดี 

เรื่องที่สาม เป็นปัญหาความสามารถในการแข่งขันของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งที่ผ่านมาขาดธุรกิจที่มีศักยภาพการแข่งขันในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการขาดธุรกิจในระดับต้นน้ำ ทั้งธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี AI เทคโนโลยีและการให้บริการทางการการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล 

รวมไปถึงธุรกิจอื่นอีกหลายชนิดที่ติดอยู่กับข้อจำกัดทางกฎหมายและจริยธรรม ในขณะที่ธุรกิจที่เข้ามาระดมทุนในตลาดฯ ส่วนใหญ่มักจะวนเวียนอยู่ในประเภทของธุรกิจเดิมๆ ไม่ต่างไปจาก 5 หรือ 10 ปีที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้นักลงทุนต่างชาติมองข้ามการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั่นเอง

แน่นอน...ใครก็รู้ว่าความสามารถในการแข่งขันของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย มีความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และมีการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับ สากล ขณะที่ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเหล่านี้มักจะมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยต่างๆ เช่น ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน นวัตกรรม การบริหารจัดการ และความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ดังนั้น การคัดเลือกบริษัทใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง 

แต่จนถึงวันนี้ ...วันที่ตลาดหุ้นไทยมีอายุครบรอบ 50 ปี เจ๊เมาธ์เชื่อว่า ถ้าหากนำเอาคำพูดบนเวทีมาปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็เป็นไปได้ว่าในอนาคตตลาดหุ้นไทยคงจะมีอะไรดีขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว   

ดังนั้น ไม่ว่าใครที่มาเป็นผู้บริหารตลาดฯ ถ้าพูดแล้วทำจริงได้...ตลาดหุ้นไทยคงจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่แน่นอนเจ้าค่ะ อิอิอิ