ผู้สูงวัยกับการดูแลรอยยิ้มและประตูโภชนาการ

22 พ.ย. 2568 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ย. 2568 | 04:20 น.

ผู้สูงวัยกับการดูแลรอยยิ้มและประตูโภชนาการ คอลัมน์ ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

KEY

POINTS

  • สุขภาพช่องปากที่ดีของผู้สูงวัยเปรียบเสมือน “ประตูโภชนาการ” ด่านแรก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต เพราะการมีฟันแข็งแรงช่วยให้เคี้ยวอาหารได้ดี ร่างกายจึงได้รับสารอาหารครบถ้วน
  • การทดแทนฟันที่สูญเสียไปมีทางเลือกหลักคือฟันปลอมซึ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ และรากฟันเทียมที่มีประสิทธิภาพการเคี้ยวใกล้เคียงฟันธรรมชาติและช่วยรักษากระดูกขากรรไกร แต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
  • การดูแลฟันและเหงือกอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหาก่อนลุกลาม

อาทิตย์นี้ผมอยากจะนำเรื่องของปากและฟันของตัวผมเอง ที่กรามด้านขวาของผม เวลาเคี้ยวอาหารมักจะเสียวฟันเสมอ ทำให้ผมต้องไปพบทันตแพทย์ แพทย์ท่านก็แนะนำให้ผม “ถอนทิ้งเถอะ” แต่ผมก็ดื้อไม่ยอมถอนฟันกราม เหตุผลที่ไม่ยอมถอน เพราะผมมีความจำฝังใจว่า เมื่อสมัยเด็ก ๆ เพื่อนบ้านผมที่เป็นญาติห่าง ๆ ท่านหนึ่ง ในช่วงที่ผมเดินทางไปเรียนหนังสือที่เชียงราย ก่อนไปท่านยังมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง และยังดูกระฉับกระเฉงมาก แต่ไม่เจอกันเพียงปีเดียว พอกลับมาบ้านช่วงที่ผมเจอท่านถึงกับตกใจมาก ที่ใบหน้าของท่านเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก อันเนื่องมาจากท่านไปถอนฟันกรามออกทั้งสองข้าง ใบหน้าของท่านจึงเหี่ยวย่นไปอย่างเห็นได้ชัด พอมาถึงวันนี้ ผมจึงยังไม่อยากจะเป็นคนแก่เหมือนท่าน แม้หมอฟันท่านจะบอกว่า ควรถอนทิ้งเถอะ เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะใช้มันแล้ว ผมก็ไม่อยากถอนอยู่ดีนั่นแหละครับ

อันที่จริงสุขภาพช่องปากและฟัน อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่ตัวผมเองก็รู้ว่า สำหรับผู้สูงวัยแล้ว นี่คือ “ประตู”ด่านแรกที่มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อคุณภาพชีวิตและโภชนาการ แน่นอนว่าโดยรวมฟันที่แข็งแรงและเหงือกที่สมบูรณ์ ไม่ได้หมายถึงแค่รอยยิ้มที่สดใส แต่หมายถึงการที่เราสามารถรับประทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย เคี้ยวอาหารได้ละเอียด และทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน เรามาดูกันว่า ทำไมการดูแลสุขภาพช่องปากจึงสำคัญ และเราจะมีวิธีการดูแล “เพื่อนคู่ใจในวัยหลังเกษียณ” นี้ได้อย่างไรบ้าง

ความเชื่อมโยงที่คาดไม่ถึง ช่องปากกับสุขภาพองค์รวม คือความสามารถในการเคี้ยวที่ดี ดังนั้นหัวใจสำคัญของการมีโภชนาการที่ดีสมบูรณ์แบบ เมื่อฟันหรือฟันปลอมอยู่ในสภาพดี ผู้สูงวัยจะสามารถรับประทานอาหารได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ เช่น โปรตีน ที่มาจากเนื้อสัตว์ ผักที่มีเส้นใยสูง ที่ช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อและลดภาวะอ่อนแอ หรือผักและผลไม้ ที่เป็นแหล่งของวิตามินและใยอาหารที่ช่วยระบบขับถ่าย นอกจากนี้ การติดเชื้อในช่องปาก เช่น โรคเหงือก (ปริทันต์) ไม่ได้ส่งผลแค่ฟันโยกหรือฟันหลุดเท่านั้น แต่เชื้อแบคทีเรียอาจเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผลกระทบต่อโรคเรื้อรังอื่น ๆ เช่น เบาหวานและโรคหัวใจ รวมถึงความเสี่ยงต่อ “ปอดอักเสบจากการสำลัก” ในผู้สูงอายุที่มีปัญหาการกลืนร่วมด้วยเช่นกันครับ

สำหรับฟันปลอม ที่เป็นเพื่อนคู่ใจที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เมื่อฟันธรรมชาติบางซี่หายไป “ฟันปลอม” จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ หากฟันปลอมชำรุด หลวม หรือไม่พอดี อาจทำให้เกิดแผลเรื้อรังที่เหงือกและกระพุ้งแก้ม ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในช่องปากได้เช่นกันครับ ดังนั้นคนแก่อย่างเราถ้าจะใช้ฟันปลอม ควรต้องรู้เทคนิคการดูแลฟันปลอมถอดได้ที่สำคัญที่สุด นอกจากนี้การทำความสะอาดหลังอาหารทุกมื้อ ก็ควรต้องถอดฟันปลอมออกมาล้างด้วยแปรงและน้ำยาทำความสะอาด ที่ใช้กับฟันปลอมโดยเฉพาะ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนหรือน้ำเดือด เพราะอาจทำให้ฟันปลอมผิดรูปได้ นอกจากนี้คนแก่ควรให้เหงือกได้พักผ่อนบ้าง เช่น ควรถอดฟันปลอมแช่น้ำทุกคืนก่อนนอน เพื่อให้เนื้อเยื่อในช่องปากได้พักจากการถูกกดทับ และช่วยป้องกันไม่ให้ฟันปลอมแห้ง อีกทั้งห้ามซ่อมแซมเองหรือทำตัวเป็นช่างซ่อม ถ้าหากฟันปลอมแตก บิ่น หรือรู้สึกว่าหลวมอย่างเห็นได้ชัด เราควรรีบไปพบทันตแพทย์ เพื่อทำการปรับแก้หรือทำใหม่ อย่าพยายามติดกาวหรือซ่อมแซมเองเด็ดขาด อย่าขี้เหนียวโดยไม่ใช่เรื่องละครับ

ส่วนตัวผมที่คิดเอาเองว่า ผมยังไม่อยากแก่ แม้จะมีปัญหาฟันกรามด้านขวาจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่สภาพร่างกายหรือสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ผมคิดว่าทางเลือกที่ผมจะทำ ก็คือจะทำรากฟันเทียม(Dental Implant) น่าจะเป็นทางเลือกที่ช่วยทดแทนฟันกราม ที่เสียหายไปตามกาลเวลา ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดก็น่าจะดีกว่าถอนฟัน เนื่องจากรากฟันเทียมจะให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการมีฟันกรามแท้มากที่สุดครับ ถ้าเราจะเปรียบเทียบข้อดีของรากฟันเทียม สำหรับคนแก่อย่างผมแล้ว การถอนฟันทิ้งกับการมีรากฟันเทียม ประสิทธิภาพการเคี้ยวสูงไม่แพ้ฟันธรรมชาติเดิม ๆ เพราะทันตแพทย์บอกผมว่า รากฟันเทียมก็มีความมั่นคงไม่หลวมหรือขยับ ทำให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด

นอกจากนี้ทันตแพทย์ยังบอกผมว่า รากฟันเทียมยังสามารถป้องกันกระดูกขากรรไกรละลายได้ เมื่อไม่มีรากฟันกระดูกขากรรไกรจะค่อย ๆ ยุบตัวลง ดังนั้นการฝังรากฟันเทียม จะช่วยกระตุ้นและลดการละลายตัวของกระดูกบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดีครับ อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้กับเรา เพราะเป็นฟันปลอมชนิดติดแน่น ไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดขณะพูดคุยหรือหัวเราะ ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการเข้าสังคม มีความคงทนและอายุการใช้งานยาวนาน ถ้าหากมีการดูแลอย่างถูกวิธี รากฟันเทียมสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดชีวิตเลยละครับ

อย่างไรก็ตาม การทำรากฟันเทียมก็มีข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องพิจารณา เช่น มีค่าใช้จ่ายสูงพอควรเลยละครับ เพราะรากฟันเทียมมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าฟันปลอมชนิดอื่น ๆ เยอะพอควร อีกทั้งขั้นตอนการรักษาและเวลา ยังต้องผ่านกระบวนการผ่าตัดเล็ก และต้องใช้เวลาในการรอให้รากฟันเทียม ยึดติดกับกระดูกอย่างสมบูรณ์ก่อนใส่ครอบฟัน

นอกจากนี้ภาวะสุขภาพก็เป็นอีกข้อจำกัดที่พึงพิจารณา เพราะผู้สูงวัยที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี หรือภาวะกระดูกพรุนรุนแรง อาจต้องให้ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินอย่างละเอียดก่อนการรักษา พูดง่าย ๆ ก็คือ ต้อง “เลือกหมอฟันให้เหมาะกับตัวเรา” ทั้งด้านคุณภาพ ฝีมือหมอ และราคาเป็นหลักครับ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เราจะถอนฟันธรรมชาติเดิม ๆ ทิ้งไป เราต้องมีการดูแลเหงือกและฟันธรรมชาติที่ยังเหลืออยู่ ให้รักษามันไว้กับตัวเราให้สุดชีวิตก่อนนั่นเอง แม้ว่าเราจะมีฟันปลอมหรือรากฟันเทียม แต่ฟันแท้ที่เหลืออยู่ก็ยังต้องการการดูแลอย่างเข้มข้น เนื่องจากผู้สูงวัยมักเผชิญกับภาวะเหงือกร่น ทำให้รากฟันโผล่ออกมาและเสี่ยงต่อการผุได้ง่ายกว่าเดิม ดังนั้นแนวทางการดูแลประจำวันของฟันธรรมชาติเดิม เราควรต้องมีการแปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์ และควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม แปรงเบา ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน) และหากมีปัญหาเรื่องการใช้มือหรือข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว อาจพิจารณาใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าก็ได้นะครับ

นอกจากนี้เราควรทำความสะอาดซอกฟันและบริเวณรากฟันเทียม เช่นการใช้ ไหมขัดฟัน หรือ แปรงซอกฟัน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบริเวณรอบรากฟันเทียม ซึ่งต้องใช้ไหมขัดฟันชนิดพิเศษหรือเครื่องพ่นน้ำเพื่อทำความสะอาด อีกทั้งมีการแปรงลิ้นเบา ๆ เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นปากได้ด้วยเป็นอย่างดีครับ

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มั่นใจว่าสุขภาพช่องปากของตัวเราให้อยู่ในสภาพดี เราควรเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน การตรวจอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ทันตแพทย์สามารถตรวจหาปัญหา ที่อาจกำลังจะเกิดขึ้น เช่น ฟันผุที่ราก โรคเหงือก หรือภาวะรอบรากฟันเทียมอักเสบ และทำการปรับฟันปลอมให้เข้ากับโครงสร้างใบหน้าและเหงือกที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัย ดังนั้นเราต้องจำไว้เสมอว่า อย่าละเลยการดูแล “รอยยิ้ม” และ “ประตูโภชนาการ” ของชีวิต การใส่ใจในวันนี้ คือการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นใจ และมีความสุขกับการรับประทานอาหารรสเลิศได้อย่างยาวนานครับ