ปั้นผู้สืบทอดยุคใหม่ด้วยประสบการณ์จริง

22 ส.ค. 2568 | 22:32 น.

ปั้นผู้สืบทอดยุคใหม่ด้วยประสบการณ์จริง : Family Business Thailand รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์และผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย [email protected]

วันนี้ธุรกิจครอบครัวไม่ได้มองหาเพียงผู้รับไม้ต่อเท่านั้น แต่ต้องการผู้สืบทอดที่ทั้งพร้อมและเข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้งตั้งแต่ก้าวแรก เพราะการสืบทอดไม่ใช่แค่การส่งต่อทรัพย์สินหรือกิจการ แต่คือการส่งต่อวิธีคิด คุณค่า และหัวใจของการทำธุรกิจให้คงอยู่และเติบโตต่อไป และบางครั้งคำตอบในการสร้างผู้สืบทอดอาจไม่ได้อยู่ไกลเลย แต่อยู่ในบ้านของเราเอง

ทั้งนี้การเปิดพื้นที่ให้ลูกหลานได้สัมผัสประสบการณ์จริงจากธุรกิจครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการเห็นพ่อแม่เจรจากับลูกค้า การช่วยกันแก้ปัญหาหน้างาน หรือการได้เสนอไอเดียใหม่ๆ คือการมอบห้องเรียนชีวิตที่ไม่เพียงสอนเรื่องการทำงานเท่านั้น แต่ยังสอนการมองโลกอย่างรอบด้าน

โดยในห้องเรียนชีวิตนี้ เด็กจะได้ฝึกทักษะที่ตำราเรียนให้ไม่ได้การตัดสินใจท่ามกลางความกดดัน การมองหาโอกาสจากความเปลี่ยนแปลง และการเรียนรู้คุณค่าของความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนมีส่วนสร้าง เมื่อวันหนึ่งพวกเขาเติบโตขึ้น ทักษะและมุมมองเหล่านี้จะกลายเป็นรากฐานที่มั่นคงให้พร้อมรับไม้ต่อ และสร้างธุรกิจให้ไปไกลกว่าที่รุ่นก่อนเคยทำไว้

ทำไมเด็กจึงควรมีบทบาทในธุรกิจครอบครัว

1. ฝึกทักษะจากสนามจริง จากการจัดเรียงสินค้าเล็กๆน้อยๆ ไปจนถึงช่วยคิดวิธีบริการลูกค้า แต่ละภารกิจคือโอกาสทองในการฝึกคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจ ทักษะเหล่านี้มักไม่พบในห้องเรียนทั่วไปแต่ซึมซับได้จากสถานการณ์จริง

2. ปลุกจิตสำนึกความเป็นเจ้าของตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อเด็กเห็นว่าความคิดของตนได้รับการรับฟังและนำไปใช้จริง ความผูกพันกับธุรกิจก็เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ พร้อมความภูมิใจและความรับผิดชอบที่งอกงามจากข้างใน

ปั้นผู้สืบทอดยุคใหม่ด้วยประสบการณ์จริง

3. ซึมซับวิธีคิดแบบผู้ประกอบการ การได้อยู่ใกล้ชิดกับการแก้ปัญหา มองหาโอกาส และประเมินความเสี่ยง ทำให้เด็กค่อยๆเข้าใจว่าธุรกิจคือการเดินทางท่ามกลางความไม่แน่นอน และโอกาสมักซ่อนอยู่ในความเปลี่ยนแปลงเสมอ

4. เสริมสายสัมพันธ์ในครอบครัว การทำงานร่วมกันและเปิดพื้นที่ให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความเข้าใจและไว้วางใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของทั้งครอบครัวและธุรกิจ

เริ่มต้นอย่างไร ปรับตามวัยให้เหมาะสม

วัยอนุบาล (5–8 ปี) ให้เริ่มจากกิจกรรมที่ง่ายและสนุก เช่น เลือกสีบรรจุภัณฑ์ คิดชื่อเมนูใหม่ หรือนับสต็อกสินค้า เป้าหมายคือทำให้เด็กรู้สึกว่าตนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

วัยประถม (9–12 ปี) ชวนคุยเรื่องที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ทำไมสินค้าบางอย่างขายดี หรือจะลดต้นทุนได้อย่างไร เพื่อฝึกคิดอย่างเป็นระบบและเข้าใจผลลัพธ์จากการตัดสินใจทางธุรกิจ

วัยมัธยม (13–18 ปี) เริ่มให้รับรู้ข้อมูลการเงินเบื้องต้น วิเคราะห์แนวโน้มตลาด หรือรับผิดชอบโปรเจกต์ย่อย เช่น ดูแลร้านค้าออนไลน์ หรือทำแผนการตลาดขนาดเล็ก เพื่อฝึกความรับผิดชอบและการคิดเชิงกลยุทธ์

 

การสืบทอดไม่ใช่การบังคับ แต่คือการร่วมเรียนรู้

การให้ลูกหลานมีส่วนร่วมในธุรกิจครอบครัว ไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่ต้องยอมรับทุกไอเดีย แต่คือการให้พวกเขาได้ลองคิด ลองทำ และตัดสินใจในกรอบที่เหมาะสม โดยมีผู้ใหญ่คอยเป็นพี่เลี้ยง เริ่มจากเรื่องเล็กๆ ปรับความท้าทายตามวัย และที่สำคัญคือการฟังอย่างเปิดใจ แม้บางความคิดอาจยังไม่สมบูรณ์ แต่ทุกโอกาสที่ให้เด็กได้ลงมือทำ คือการลงทุนระยะยาวที่จะสร้างนักคิด นักสร้างสรรค์ และทายาทธุรกิจที่พร้อมรับโลกแห่งการทำงานอย่างแท้จริง

 

อ้างอิง: Adam Toren. (April 23, 2025). Kids in family business decisions. Retrieved from https://kidpreneurs.org/kids-in-family-business-decisions/