เด็กเสิร์ฟรุ่นพี่ คุยกับ เพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง ในร้านอาหาร หลังจากเสิร์ฟซุปให้ “ลุงผู้มีอายุยืน” ที่เพิ่งมาจากบ้านนอกว่า “ถ้าลูกค้าทำตามที่ฉันบอก ฉันจะเพิ่มเนื้อให้โดยไม่คิดเงิน แถมมันฝรั่งทอดชิ้นใหญ่ให้เป็นพิเศษ ตะกี๊ ไอ้ตาเฒ่าบ้านนอก ไอ้ลูกค้ากระจอก มันเอาแต่ใจ ฉันก็ให้น้ำมากกว่าเนื้อ” นินทากันเสร็จก็ไปเก็บตังค์ค่าอาหารที่โต๊ะของ ตาเฒ่า “ลุงผู้มีอายุยืน” จ่ายเงินเสร็จแล้วหยิบเหรียญทิปให้เธอหนึ่งบาท (ฮา)
เด็กเสิร์ฟรุ่นพี่ ไม่พอใจ พูดตำหนิเสียงดังว่า “ฉันไม่ใช่ขอทานนะ” ตาเฒ่ายิ้มแล้วพูดกับ เด็กเสิร์ฟรุ่นพี่ ว่า “ผมไม่ให้สลึงเดียวก็บุญเท่าไหร่แล้ว ผมให้ขอทานครั้งละยี่สิบบาทเพราะน่าเห็นใจ เขายกมือไหว้ท่วมหัว สำหรับคุณผมให้บาทเดียว เพราะว่าคุณให้ มันฝรั่งชิ้นเล็ก และ เนื้อชิ้นจิ๋ว ผมดูออกว่าคุณไม่เห็นใจผมที่หิวแล้วพูดเร่งรัดให้รีบเสิร์ฟ คนเราจะคบกันได้ ก็ต่อเมื่อต่างฝ่ายต่างก็ต้องมีน้ำใจต่อกัน ใช่หรือเปล่าล่ะ”
พูดจบ “ลุงผู้มีอายุยืน” โทรศัพท์สั่งให้คนขับรถเอารถเบนซ์มาจอดรับตรงหน้าร้าน กว่าจะรู้ว่า “ตาเฒ่า” เขาเป็น “มนุษย์ผ้าขี้ริ้วห่อทอง” เจ้าของสวนทุเรียนใหญ่สุดในโซนตะวันออก เธอก็อดตังค์ 19 บาท ซะแล้ว (ฮา)
ถ้าเธอ ขาก…ถุย ตามหลังลูกค้า เธอก็ไม่ได้กลายเป็น เด็กเสิร์ฟกระจอก เนื่องจาก เธอมีความสามารถในงานสายนี้ เพียงแต่ เธอกำลังทำตัวเป็น “เด็กเสิร์ฟจิตถ่อย ” ต่างหาก
สังคมโลกยุค 5.0 เขาเน้นไว้แล้วว่า “คิดจะทำการใดให้ใช้มนุษย์ เป็นศูนย์กลาง ในการตัดสินใจ”
เว็บไซต์ Keeping เขาเล่าเรื่องนี้ทำนองนี้เอาไว้น่าสนใจดีแท้ อยากรู้เหมือนกันว่า ท่านผู้อ่านคิดตรงกับผมหรือเปล่า พนักงานเดินเข้ามาเอ่ยทักลูกค้าว่า “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับ สู่ แมคโดนัลด์ ค่ะ วันนี้จะทานอะไรบ้างคะ” ลูกค้าเขาก็ชี้ว่า “McWater, McNumber10 และ McCoke นะครับ”
พนักงานชี้แจงลูกค้าว่า “คุณไม่จำเป็นต้องใส่คำว่า Mc ไว้ข้างหน้าทุกอย่างที่คุณสั่งนะคะ” ลูกค้าเขาก็สั่งเพิ่มเติมว่า “โอ.เค. ผมชอบ โดนัลด์ เสิร์ฟให้ด้วยนะ” พนักงานทบทวนกับลูกค้าอีกทีว่า “คุณคะ ชิ้นนี้ คือ แมคโดนัลด์ ค่ะ” ลูกค้าก็ติวมั่งว่า “คุณไม่จำเป็นต้องเอา Mc ไว้ข้างหน้าทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้” (ฮา)
ผมมีความเห็น ส่วนตั๊ว ส่วนตัว ว่า “อะไรที่มันไม่ต้องไปต่อความยาวสาวความยืด ก็ไม่ต้องไปดอกสร้อยไปแขวนเพิ่มให้อารมณ์มันรุงรังโดยไม่จำเป็น ถ้าเราเข้าใจว่า ลูกค้าจะซื้ออะไร เราก็ยิ้มรับแล้วก็รีบเสิร์ฟเสียก่อนที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจ ถ้าไปติวลูกค้าต่อหน้าลูกค้าอีกหลายคน เขาก็คงจะหน้าชาเล็กน้อย ผลปรากฏก็เป็นอย่างที่นึก ลูกค้าแกก็เอาคืนย้อนกลับไปมั่ง หน้าของเราก็จะเปลี่ยนเป็นสีกาแฟ (ฮา)
ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง นี่ก็อมตะมากเลย ผู้โดยสารรายหนึ่งวางสัมภาระของเขาไว้บนเครื่องชั่งที่เคาน์เตอร์สายการบินใน นิวยอร์ก และ พูดกับพนักงานขายตั๋วว่า “ฉันกำลังจะบินไปลอสแองเจลีส ฉันอยากให้ส่ง กระเป๋าใบใหญ่ ไป เดนเวอร์ และ กระเป๋าใบเล็กอีกสองใบ ไป ซินซินแนติ” พนักงานขายตั๋วดวงตาเบิกโพลง เขารีบอธิบายให้ผู้โดยสารท่านนี้ทราบทันทีว่า “ผมต้องขออภัยนะครับท่าน เราไม่สามารถจะทำแบบนั้นได้เลยครับ”
ผู้โดยสารตอบกลับมาด้วยท่าทีความรู้สึกที่ยังไม่ตกตะกอนว่า “ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เพราะว่าโซนที่พวกเขาบริการฉันเมื่อเดือนก่อน เขาเอากระเป็าฉันไปจัดวางไว้ตามจุดที่ฉันบอกเธอนั่นแหละ ฉันไม่อยากจะร้องเรียน ขอแค่ช่วยบอกต่อแทนฉันหน่อย เอาไปส่งผิดที่ผิดทางน่าเป็นห่วงนะ ถ้าเจ้าหน้าที่เขาปิดประตูด่านชายแดนหมดทุกจุด แล้วฉันจะเข้าไปเอาของคืนได้ไง” (ฮา)
ในกรณีเช่นนี้ เราไม่ต้องไปเถียงแทนใคร ยกมือวันทา ขอโทษที่บกพร่อง กับ ขอบคุณที่ใช้บริการ ขอบอกอีกครั้งหนึ่งว่า “การไม่ทำเรื่องเล็กให้มันบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ เป็น อาคมขลังประจำตำแหน่งโดยแท้”
ตราบใดที่สังคมยังคงดูหมิ่นอยู่ว่า คนที่ ไม่รวย ไม่เก่ง ไม่ดัง ไม่ใช่เด็กเส้น ไม่มีเกียรติบัตร ไม่มีตำแหน่ง ถือว่า กระจอก แล้วไซร้ ตราบนั้น สังคมจะหาความสงบสุขได้ยาก เมื่อสังคมไม่สงบสุขก็ลามไปถ่วงความเจริญ
ในมุมกลับกัน หากมีใครสำแดงทัศนะบ้างว่า ผู้ที่ดูหมิ่นผู้อื่น เป็นเพียง เวไนยสัตว์ คือ สัตว์ที่สอนง่ายกว่าสัตว์ทุกประเภทที่มีอยู่ในโลก กว่าจะได้เป็นใหญ่เป็นโตก็เคย งูๆ ปลาๆ มาก่อน คนที่รู้แค่ งูๆ ปลาๆ คือ งู 2 ตัว กับ ปลา 2 ตัว กว่าจะแตกฉานต้องศึกษา งู งู งู งู งู งู งู งู งู งู และ ปลา ปลา ปลา ปลา ปลา ปลา ปลา ปลา ปลา ถึงจะสมัครงานได้ คราใดที่ดูแคลนว่า กระจอก เพราะว่า ไม่มีการศึกษา อย่าลืมว่าเราก็เคยโดนกักบริเวณสมองให้คลุกคลีอยู่กับ งูๆ ปลาๆ มาก่อน ผิว่าจะสรุปให้มันหายรำคาญว่า ใครเรียนรู้เฉพาะ งูๆ ปลาๆ เท่ากับ กระจอก
อย่าลืมว่าเราก็เคยวนเวียนอยู่กับ ปฐมกระจอก มัธยมกระจอก ถ้าเราไม่เคยคลุกคลีกับชั้นเรียนระดับชั้นประถมกับมัธยม เราจะมีพื้นฐานไต่ขึ้นไป ป.ตรี แล้วจะมีความรู้ครบถ้วนไหมล่ะ ถ้าไม่ก็ใช่ กระจอก เหมือนกัน งั้นสินะ
ผู้ที่มีงานทำผมฝากเนื้อหาและถ้อยคำเอาไว้เป็นเครื่องวัดพัฒนาการของตัวเราสักหน่อยก็ไม่เสียหลายอะไร
ก้าวที่หนึ่ง คนที่ นิสัยไม่ดี ไม่มีความรู้ เดินเตะฝุ่นกันนานวัน ก้าวที่สอง คนที่ นิสัยดี ไม่มีความรู้ ควรจะทำตัว เป็นเบ๊ เป็นบ๋อย ค่อยๆเรียนรู้ก็เฟื่องฟูได้ ก้าวที่สาม คนที่ นิสัยไม่ดี แต่มีความรู้ ควรจะขัดเกลามารยาท ไม่งั้นโอกาสอาจจะเสียเปล่า ยกเว้น เป็นเด็กเส้น หรือ เก่งเฉพาะทาง แต่ก็ใช่ว่าจะยืนนาน ก้าวที่สี่ คนที่ มีนิสัยดี มีความรู้ดี จะกลายเป็น เดอะสตาร์!
อย่างไรก็ตาม เดอะสตาร์ ก็มีสิทธิ์ที่จะร่วงได้ เหตุที่เป็นเช่นดั่งว่าก็เพราะ ใครขึ้นไปยืนเด่นบนที่สูง เขาเองก็มักจะเผลอไผลเปลี่ยนนิสัยเป็น ไอ้อหังการ์ ผมการันตีได้เลยว่า อหังการ์ อิ๊บอ๋าย ฉับไวกว่า กระจอก เยอะเลย!
ใครไม่ปรารถนาความ อิ๊บอ๋าย โปรด กรุณา เมตตา ปราณี มีมารยาท เห็นคนเป็นคน ไม่จ้องจะเอาเปรียบสังคม ไม่วางตัวกร่างจนบาดใจ ใครที่พลั้งเผลออหังการ์ รีบเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นเบ๊ เป็นบ๋อย ยังพอจะมีช่องให้รอด!