ผมมีคำถามชวนหัว (แตก) อยู่กรณีหนึ่ง เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า “พ่อนั่งยองๆ อยู่กับพื้นดินใกล้ระเบียงบ้าน ลูกชายอายุ 2 ขวบ เขาแลเห็นว่า ยุงกำลังเกาะเจาะพระเกศเพื่อดูดเลือดของสะเด็ดพ่อ เขารู้แกวเลยว่า ไอ้ยุงนี่เองที่เป็นกลุ่มบุกเบิกดูดเงินในธนาคาร
คิดเสร็จสรรพก็ขยับจับขวานมาจามยุงที่เกาะอยู่บนหัวพ่อ เล่นกันแบบนี้แล้วยุงจะเหลือไหมครับ พ่อสิ้นใจตายคาที่ เล่าจบก็ถามผู้ฟังในห้องอบรมว่า ลูกชายอายุ 2 ขวบ เขาทำแบบนี้ เข้าข่าย โง่ หรือเปล่า?” โอ้โห! เถียงกันสนั่นหวั่นไหวคล้ายๆ กับการยืนติดประชิดชายแดน (ฮา)
ผมไม่สรุปจุดนี้นะ ขอลากจุดหลักมาถามทุกท่านแก้ง่วงว่า “ลูกคนนี้ ทำแบบนี้ อย่างนี้ เข้าข่าย ภูมิปัญญากระจอก รึป่ะ!” จำแนกกันให้ชัดก็ควรจะถาม กูรู AI เผื่อว่าจะได้ “ภูมิปั้นยา” บำรุงสติ
ผมหันไปถามขอความรู้จาก กูรู AI ว่า “อะไรที่ไม่มีคุณค่า” กูรู AI ตอบว่า “สิ่งที่ไร้ค่า หมายถึง สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ไม่มีความสำคัญต่อการพัฒนา หรือ เติบโต ของ บุคคลและสังคม เช่น อาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือ ความรู้สึกไม่มีคุณค่าในตัวเอง นอกจากนี้ การไม่มีคุณค่า อาจหมายถึงการไม่ได้รับการเคารพหรือยอมรับ”
ผมถามเพิ่มเติมอีกว่า “ไก่ ไม่สนใจ ไม่แยแส เอาตีนเขี่ยพลอยกระเด็นไป แสดงว่า ไก่ไม่เคารพพลอย! ไก่ไม่ยอมรับพลอย! พลอยกลายเป็น อัญมณีกระจอก เพราะไก่เขี่ยเรตติ้งใช่ไหมครับ!” กูรู AI เงียบกริ๊บ ไม่ตอบสักคำ! (ฮา)
ผมขออนุญาตที่จะยืดยาดคาดว่า เหตุที่ กูรู AI ไม่ตอบคำถาม ดอกที่สอง เป็นไปได้ว่า คนที่ป้อนข้อมูลให้ กูรู AI ลืมนึกถึงรายละเอียด ที่ สังคมวิชาการเขาเรียกกันว่า “ซอฟสกิล” ซึ่งเป็นทักษะทางสังคม
อย่างเช่น ภูมิสมองลองของเสมอ อุปนิสัย บุคลิกภาพ ทัศนคติ และ Mindset ซึ่งควร เรียกว่า “ชุดความเชื่อ!” คือ กิ่ง กับ ก้าน และ ต้น กับ ราก เป็น Paradigm เรียกว่า “ชุดความคิด!” เพราะParadigm เกิดก่อน Mindset พาราไดม์ เป็น กรอบแนวคิด หรือ แบบแผนที่ใช้ในการมองโลก หรือ กระบวนการคิดวิเคราะห์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง รวมถึง ทฤษฎี วิธีการวิจัย และ มาตรฐานที่ใช้ในการประเมินผลงาน
ผมถาม กูรู AI ว่า “รากศัพท์ของคำว่า โสเภณี มีความเป็นมาอย่างไร” กูรู AI ตอบทันควันทันใจว่า อันคำว่า “โสเภณี” เธอมีที่มาจากคำกริยา ของ ภาษาละตินว่า “Prostituō" แปลว่า “เสนอขาย” หรือ “ส่งต่อไป” เป็นคำผสมที่มาจากคำว่า “Pro-” แปลว่า “สำหรับก่อน” หรือ “ล่วงหน้า” สนธิกับ “Statuō” แปลว่า “จัดเตรียม ตั้งขึ้น” หลังจากนี้คำนี้สังคมคนมีค่านำมาใช้เป็นทางการอย่างเต็มยศว่า “บริการทางเพศเพื่อแลกกับเงิน” เรื่องแบบนี้พี่แกตอบซะเกลี้ยง สังคมทั่วไปเข้าใจมากขึ้น (ฮา)
ปักป้ายรอเอาไว้ตรงนี้ซะก่อนเลยว่า หากใครจะกำหนดเกรดว่า โสเภณี เป็น คนกระจอก วัดที่ โสเภณี ลงขันกันไปสร้าง วัดจะพลอยตกระดับเป็น วัดกระจอก หรือเปล่า ถ้า โสเภณี เป็น คนกระจอก แล้ว คนที่ขายหวยเป็น คนกระจอก หรือเปล่า ถ้ากระจอกแล้วเราไปซื้อให้ความเป็นมนุษย์ของเรามันเสื่อมลงทำไม
ลูกที่ฆ่าพ่อโดยไม่เจตนาแต่ก็มีแววว่า คิดช้า คิดไม่แตกฉาน เพราะว่า เด็กอายุสองขวบเขายังไม่รู้วิธีปฏิบัติ จะไปตีตราว่า เด็กกระจอก มันก็คงจะมากไปมั้ง คนที่เราด่าว่ามันเป็น โจรกระจอก มันยังมีน้ำใจลงไปอุ้มแมวในคลองมาอาบน้ำซื้อปลาเผาให้ลูกแมวกิน คนที่ไม่กระจอกไม่เคยช่วยสัตว์แม้แต่ครั้งเดียว ใครมันกระจอกกว่าใคร ผมถามเองตอบเองเลยว่า ไม่มีใครกระจอกอะไรกว่าใคร ที่เขาไม่ได้ทำเหมือนเรา เพราะเขาไม่มีความพร้อมเหมือนเรา มันก็เท่านั้นแหละ จะไปนั่งเช็คให้เสียเวลาทำไมว่าหมู่บ้านเราใครกระจอกกว่าใคร
ผมค้นไปค้นมาก็ไปเจอ ข่าวกระจอก ในสายตาของผู้ที่เอามานำเสนอ อย่างเช่น “เหงื่อของเราไม่ได้เหม็น เพราะเรา กลิ่นเหม็นมันเกิดจาก แบคทีเรีย ที่ มันทะลึ่งมาย่อยสลายโปรตีนในเหงื่อของเรา ซึ่งอาจเปลี่ยนเป็นกรดที่ไม่พึงประสงค์แปรสภาพไป ตามที่ นักชีวะ กับ นักวิทย์ เล่าผ่าน Medical News Today
ถ้ามีใครถามว่า เราได้อะไรจากข่าวโหลยโถ้ย ผมก็ต้องขออนุญาตชี้ช่องให้ลองคิดว่า “เรายังไม่ได้อะไร แต่ทว่า เจ้าสัว ยุค Gen X อ่านข่าวจบก็เรียกกุนซือมาวางแผนผลิต สบู่ดับกลิ่นตัว ขายกันรวยรู้เรื่อง ไม่รู้ว่า เจ้าสัว เคยทิปคนปล่อยข่าวไปบ้างรึยัง เราได้ระลอกสอง คือ ได้ซื้อเอามาใช้ แฟนพอใจ เพราะไม่ต้องอดทนดมกลิ่มตัวที่ผัวหมักหมมมานาน” (ฮา)
สะดือดูดีของทุกคนทั่วโลก โดยเฉลี่ยเพื่อเพื่อความเสมอภาค แต่ละคนมีแบคทีเรียมากกว่า 67 สายพันธุ์ งานวิจัยแถลงว่า สะดือแต่ละคนที่เต็มไปด้วยแบคทีเรีย สะดือดูดี จึงเริ่มกลายเป็น “(ว่าที่) สะดือกระจอก”
เนื่องจาก ผลการศึกษาสะดือ 60 แห่ง พบว่า มีแบคทีเรียอื้อซ่า 2,368 สายพันธุ์ ซึ่ง 1,458 สายพันธุ์ มันน่าจะเป็น สายพันธุ์ใหม่ที่เปิดทางให้นักวิทยาศาสตร์ มีงานทำในยามบ้านเมืองกำลังวิเวก ใผจะไปรู้ (ฮา)
บ้านเมืองเราดำน้ำกันมาตั้งนานว่า “ขยะกระจอก” เกลื่อน ผมเกิดไม่ทัน สิงคโปร์ว่าก่อนที่เขาจะมีกฎห้ามทิ้งขยะ ไม่รู้ว่าคนของสิงคโปร์เขาเก็บขยะเอาไปขายแบบพี่ไทยกันบ้างหรือเปล่า ผู้คนที่เคยพูดดูหมิ่นทับถมว่า “คนจนเป็นคนกระจอก” ไม่ทราบว่าเขา ปลดหนี้ 2540 กันหมดหรือยัง
ถ้ายังปลดหนี้ยังไม่สิ้น ในขณะที่คนเก็บขยะเมื่อปี 2540 เขาเอาขยะไปขายตั้งแต่ปีนู้นเรื่อยมา กระทั่งถึงปีนี้ กลายเป็นคนมีตังต์เบียดเสียดเต็มบัญชีรวยกว่า ไม่รู้จะเข้าใจกันบ้างรึยังว่า ความจนที่เจ้าหนี้บันทึกเอาไว้ในเอกสารสัญญา ไม่ใช่ใบประกาศชี้ตัวว่าคนจนคนนั้นเป็นคนกระจอก!
ถ้าจะมีก็คงจะมีแต่เพียงว่า “บัดนี้เลขาท่านพญายมบันทึกคนที่พูดให้ร้ายทับถมคนดีนับพันครั้งไว้แล้ว!”
หากไม่แน่ใจลองแวะไปถาม “ท่านผู้มีอายุยืน” ที่ “สิ้นลมแล้วหวนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง” จะได้โล่งอก (ฮา)