โลกนี้ไม่มีอะไรกระจอก ฉากที่ 3

13 มิ.ย. 2568 | 23:30 น.

โลกนี้ไม่มีอะไรกระจอก ฉากที่ 3 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4105 หน้า 6

โรงถ่ายเปิดมุกปลุกหมอง ขอฟูมฟายเสนอหนังคิดสั้น เรื่อง กระจอกรีเทิร์น เรื่องของเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแต่ทว่า นักสมองเหล่ ชื่อว่า มร.จิงดิ สุดยอดนักชีวะ ของ ประเทศศาลโรค อุตริ (ปฏิบัตินอกกรอบ) แกก็ฝันเฟื่อง จนเรื่องมันบานปลาย (ลิ้น) 

ว่าแล้วก็จัดสร้าง ศูนย์เลี้ยงสัตว์ เริ่มต้นด้วยการมอบหมายให้ผู้ชำนาญการออกไปจัดหามา  5 สายพันธุ์ ครือ….. แพะ นกแก้ว ลิง ยุง และ ตุ่นปากเป็ด สำหรับฝ่ายบุกคน คือ เห็นคนตกงานเขาจะบุกเข้าไปเลือกก่อนรายอื่น ในใจเขาจะเลือก คนตกงาน เนื่องจากคนตกงานจะไม่กล้างอแง ว่าทำไมค่าแรงมัน กระจิ๊บ หนักกว่า กระจอก ซะอีก (ฮา)

 

ส่องไปส่องมาแลเห็น คนตกงานทั้งห้า ก็คว้าแขนขึ้นรถ พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า “โหงวเฮ้งทั้งห้าคนใกล้เคียงกันมาก เราไปแจมกันเถอะ ที่ ศูนย์เลี้ยงสัตว์ หาคนแบบพวกเราใช่ว่าจะเจอกันได้ง่ายๆ ทั้งห้าคนก็แย่งกันถามว่าจะให้ทำงานอะไร ฝ่ายบุกคน ก็เล่าให้ฟังว่า มร.จิงดิ ท่านเลี้ยงสัตว์ไว้ห้าโซน  ไ-ด้-แ-ก่  ลิง นกแก้ว แพะ ยุง และ ตีนปากเป็ด จะเร่งฝึกให้แต่ละตัวสามารถทำอะไรได้หลายอย่างเก่งกว่าเดิม รายได้รายเดือนจะต่างกัน ใครจะเลือกเป็นผู้ดูแลโซนไหนก็ตกลงกันเองได้เลย”  สหายทั้งห้า ชื่อว่า ก็ดี ก็ได้ ก็เอา ก็ช่าง และ ก็แล้วแต่ เขาตกลงกันได้ด้วยดี

ก็ดี เลือกเป็นผู้ดูแล ลิง ขี้แกล้ง ได้ค่าแรงเดือนละ 5,000

ก็ได้ เลือกเป็นผู้ดูแล นกแก้ว  ได้ค่าแรงเดือนละ 4,000

ก็เอา เลือกเป็นผู้ดูแล แพะ ได้ค่าแรงเดือนละ 6,000

ก็ช่าง เลือกเป็นผู้ดูแล ยุง ได้ค่าแรงเดือนละ 8,000

ก็แล้วแต่ จำยอมรับภาระ ตีนปากเป็ด ได้ค่าแรงเดือนละ 3,000

ก็ดี ก็ได้ ก็เอา ก็ช่าง หันหน้ามาถาม ก็แล้วแต่ ว่าทำไมได้น้อยจัง “ก็แล้วแต่” ยิ้มแป้น ไม่ได้ตอบคำถาม ฝ่ายบุกคน ได้จังหวะแซวว่า “เขาพอใจที่เขาได้แค่นั้น เหตุที่เขาได้แต่นั้น เพราะว่า เขาไม่รังเกียจเป็นผู้ดูแลในเคสนี้ เขาขอเป็นผู้ดูเฉยๆ เพราะว่า เขาเกรงว่ามีความเสี่ยงสูง เนื่องจาก เขาจะไม่เข้าใกล้ ตีนปากเป็ด (ฮา) 

ดูเหมือนว่าบรรยากาศในการทำงานวันแรกเป็นไปด้วยดี ครั้นเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก็แล้วแต่ รู้สึกแปลกใจว่าทำไมอีกสี่คนยังไม่กลับมาเข้าห้องพัก เขาเดินออกไปถาม ฝ่ายบุกคน ว่า “เพื่อนผมอยู่ที่ไหน” ฝ่ายบุกคนเงยหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาแล้วเล่าให้ฟังว่า

“ก็ดี  เขาไปยักคิ้วหลิ่วตาแลบลิ้นยั่วลิง ลิงกระโดดเกาะคอสิ้นใจตาย  ก็ได้ เขาไปชวน นกแก้ว คุยนานจนมันรำคาญ นกแก้วจึงพูดเสียงดังว่า มึงไปคุยกับเมียน้อยมึงสิ โชคร้ายจริงๆ ภรรยาเขาแวะมาให้กำลังใจ เธอได้ยินคำนี้ก็เอามีดแทงจุดสำคัญตายฉับพลัน…”  

ก็แล้วแต่ ถามแทรกด้วยความสงสัยว่า “จุดสำคัญที่ท่านเอ่ยถึงมันคือจุดไหนอ่ะครับ” ฝ่ายบุกคน หัวเราะทั้งน้ำตา หันมาบอกว่า  “เอ็งไปหยิบมีดมาให้ข้าสิ ข้าจะได้สาธิตแทงให้เอ็งดู จะได้เข้าใจง่าย” ฝ่ายบุกคน เล่าให้ฟังต่อว่า “ก็เอา เขาเห็นแพะไปปีนกำแพงที่ดัดแปลงเป็นเชิงเขา มันปีนขึ้นไปสูงมาก แพะตกลงลอยละลิ่วลงมา เขาเข้าไปช่วยรับจึงโดนแรงกระแทกพื้นตายคาที่เหมือนกัน 

ก็ช่าง เขาอยากรู้ว่าทำไมเราต้องเลี้ยงยุง เผลอซุ่มซ่ามไปกดรีโมท ประตูก็เปิดอา ยุงมันนึกว่า ก็ช่าง กำลังจะรุกพื้นที่เข้าประมาณ 200 เมตร ยุงรุมกันดูดเลือด ก่อนจะสิ้นใจยังพึมพำว่า ศาลโรค... ศาลโรค... ” (ฮา)

                         โลกนี้ไม่มีอะไรกระจอก ฉากที่ 3

ครั้นเมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ฝ่ายบุกคน หันหน้ามาถาม “ก็แล้วแต่”  ว่า “ทำไมเอ็งถึงไม่สนใจเลือก ลิง นกแก้ว แพะ ยุง...”  ก็แล้วแต่ เขาขยายความนัยว่า “ลิง ขี้แกล้ง ผมเรียนชั้นประถมก็โดนแกล้งจนผมเบื่อเรียน นกแก้ว สรวลเสเฮฮาแต่มันพูดมากเกิน ผมไม่อยากเสียเครดิต แพะที่ มร.จิงดิ เอามาเลี้ยงเป็นสายพันธุ์จากออสเตรเลีย มันใจกล้าบ้าบิ่นอย่างที่ได้เห็น ผมไม่รู้จะไปเสี่ยงแลกค่ารายได้รายเดือนไปกันทำไม  

ยุง สัตว์ที่แม้เป็นเพียงแมลงตัวจิ๋ว แต่กลับมีความอันตรายมากที่สุดในโลก เพราะมันตามล่าชีวิตมนุษย์มากถึง 725,000 คน - ถึง 1 ล้านคน ต่อ 1 ปี  ให้ค่าแรงกี่เท่าผมก็ไม่เอา 

“ตุ่นปากเป็ด บุคลิกเขาเป็น สัตว์ซ้ำซ้อน ปาก และ เท้า เป็น DNA คล้ายเป็ด ลำตัว และ ขน เป็น DNA คล้ายนาก หาง เป็น DNA คล้ายกับ บีเวอร์ นักธรรมชาติวิทยาบางคนทะลึ่งเขาว่า มันเป็นสัตว์สำส่อน ลอลวง! อันที่จริงพูดแบบนี้ก็ไม่ถือว่า กระจอก นะ แต่ถ้าพูดกับคนแบบนี้เป็นไปได้ว่า ฟันคงจะกระจายคนที่คอมเมนท์เขาไม่รู้กันเลยหรือไงว่า  ตุ่นปากเป็ด คือ นางเงือก เขาชอบวิเวก ไม่ยุ่งกับใคร 

ผมถึงได้บอกว่า ผมไม่ต้องดูแล เพราะว่า เขาชอบให้ผมดูเฉยๆ ตุ่นปากเป็ด คล้ายกับ AI มองเห็นทุกสิ่งได้ด้วยปากใต้น้ำ ผิวหนังจะปกคลุมดวงตาชั่วคราว รูจมูกจะปิดสนิทเพื่อกันน้ำ ดำน้ำได้ประมาณ 30 ถึง 60 วินาที ปากของตุ่น มีตัวรับไฟฟ้าและตัวรับกลไก สามารถตรวจจับสนามไฟฟ้าและการเคลื่อนไหวได้ เราแค่เฝ้านั่งอู้อยู่ห่างๆ ทำท่าขึงขังแบบห่วงๆ ได้ค่าแรงวันละ 3,000 บาท ก็พอแล้วครับ” (ฮา)

ฝ่ายบุกคน เดินเข้ามากอดพร้อมกับบอกว่า “เอ็งนี่มันสุดยอดจริงว่ะ ขอสารภาพหน่อยนะ ข้าเห็นเอ็งตอนแรกข้าตีราคาเลยว่า กระจอก ที่ไหนได้วะ เอ็งมันเสือซ่อนเล็บขนานแท้ ถ้าหากข้าได้เป็น นายใหญ่ ข้าจะให้เอ็งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ฟอร์มหงอยๆ ต่อยเงียบๆน็อคเฉียบขาด นับถือ… นับถือ…” 

“ก็แล้วแต่” ยิ้มแบบอ่อนน้อมถ่อมตนว่า “นักพูดรายการทอล์คโชว์ คนหนึ่งในต่างประเทศ เขาเมนท์แบบขวานผ่าซากผ่านสื่อทีวี ว่า กระจอก หมายถึง ผู้ชายที่สูงไม่เกิน 180 ซ.ม. จิดเบี้ยว แย่กว่า สมองเหล่
ลืมไปรึไง คนแคระ ผู้ช่วย สโนไวท์ คือ พี่เลี้ยง (Mentor : ชื่อพระสหายของ โอดิสเซียส กษัตริย์กรีก)!”