ผมเคยนั่งคิดแบบทีเล่นทีจริงว่า จะให้ช่างเขาทำ “เตียงวิมานตระการจิต” พิเศษ ไว้ใช้เป็น “เซฟแก้เหงา” ประชันกับ “เซฟระทึกเฮาส์” สักหนึ่งตัว สเปคที่น่าสนใจกำหนดเอาไว้ประมาณนี้ว่า
หนึ่ง ใต้เตียงมีปุ่มกดระดับหนีเมีย
สอง มีที่ซ่อนตังค์หลายซอกหลายมุม
สาม ผิวเตียงสามารถปรับเปลี่ยนสี
สี่ มีเซฟตี้เบลท์กันหลับตกเตียง
ห้า ข้างเตียงมีช่องดนตรีขับกล่อม (ฮา)
เลขาเธอคว้ากระดาษสีเหลืองขึ้นมาโชว์เล่นขำๆ เลียนแบบกรรมการว่า สั่งทำให้แม่อีกหนึ่งตัวด้วยสิ อีกอย่างนึงนะ ถ้าจิตใจผมเสพสีสันหนุกหนานประมาณนี้เป็นอาจิณ เห็นทีชาติหน้าคงจะไม่มีวาสนาบวชเป็นพระ หากยังไม่ละลดเลิกแล้วยังหวังจะบวช มีแววอาบัติชิวๆ (ฮา)
ใครที่มีจิตและอารมณ์บ่มวิญญาณเพ้อฝันทำนองนี้ มีโอกาสที่จะพัฒนาตนเองเป็น นักเล่าเรื่อง เหมาะกับ รสนิยมของสังคมยุคนี้ ผิว่าถ้าใครสนใจฝักใฝ่จะเดินเข้าสู่เส้นทางนี้ ผมขอสะกิดเสริมแรงอีกสักนิด คือ แบ่งเวลาไปปลีกวิเวกนั่งทบทวน ศิลปะในการประพันธ์เรียงความให้แตกฉานอีกหน่อย ลงลึกเข้าไปสอย ความหมาย ตัวอย่าง ลำดับของเรื่องราว คิดมุกได้มุกหลากสี จุดสำคัญที่จะทำให้อ่านแล้ว สะ-หวี-วี่-วี จำต้อง ตีนัยหัวข้อเรื่องให้กระจ่าง สามารถที่จะ “ยืด และ “หด” (ฮา)
โปรดกรุณาอย่าคิดมาก ผมหมายถึงการจะเอาเนื้อหามาผูกเสี่ยวผสมผสานอะไรเข้าด้วยกันได้บ้าง ถ้านึกไม่ออกก็เอาแป้งไปทา “กระทู้” หรือ “หัวข้อ” แล้วก็ชำเลืองดูว่า มันเข้ากันได้กับแง่มุมที่เราเฝ้าใฝ่ฝันจะนำเสนอ
อย่างเช่น ………
ผมเห็นด้วยว่า ถ้าเรามั่งคั่งพอจะหาความครึกครื้นใส่ตัวได้ ก็น่าจะแบ่งสันปันส่วนให้แม่ชื่นใจกันบ้างก็น่าชื่นชม
อย่าลืมว่าแม่เราเอาใจใส่เราจนเหนื่อยนับยกไม่ถ้วน ว่างๆ ก็แต่งกลอนเตือนใจเอาไปแปะไว้หน้าห้องแม่ก็โอนะ
อย่างเช่น ………
แม่ครับ..แม่ แม่ครับ แม่ครับ..แม่
อุ..แว้ อุ..แว้ แม่..แม่ครับ
แม่ครับ..แม่ อุ..แว้ โธ่..แม่หลับ
แม่..แม่ครับ อุ..แว้ แม่ตื่นยัง
อุ..แว้ อุ..แว้ แม่รู้เปล่า
แบบว่า..เรา อยาก อุ..แว้ กอดแม่มั่ง
แม่ตื่นแล้ว ป้อนนมให้ โดนใจจัง
ไม่เกลียดชัง เสียง อุ..แว้ แม่รักเรา
แปะถูกที่ถูกเวลา ไม่ใครก็ใครน้ำตาไหลกันมั่งแหละ ฮือๆ ... (อิๆ)
ผมได้ข้อมูลเรื่องราวมาจาก พี่ชาย เพ่งดูก็ได้เบาะแสว่า คุณตู้ เป็นผู้ส่งต่อกันมาโดยรุบุไว้ด้วยว่าเป็นเรื่องระดับ ตํานาน วิศวกรท่านมีชื่อจริงว่า Charles Proteus Steinmetz (ค.ศ. 1865–1923)
วันนั้นที่โรงงานนู้น River Rouge ของ Henry Ford เครื่องกําเนิดไฟฟ้าขนาดบิ๊กพลิกล้มพับ วิศวกรประจำพื้นที่ลงไปนั่งยองๆที่พื้นไม่วสามารถแก้ปัญหาได้ Ford ส่งมือซิ่งให้ไปอิง Steinmetz
เมื่อ Steinmetz มาถึง ก็ขอสามอย่าง “ได้ชรา” แปลว่า “ได้แก่” สมุดบันทึก ดินสอ กับ เปล (ฮา)
เขาใช้เวลา สองวันสองคืน นอนเพื่อฟังเครื่อง จดการคํานวณ ในที่สุด Steinmetz ก็ขอ บันได เทปวัด และ ชอล์ก เขาปีนขึ้นไปบนเครื่องกําเนิดไฟฟ้า ทําการวัดเล็กน้อย ทําเครื่องหมายจุดด้วย X ครั้นแล้วก็หันไปสั่งการวิศวกรของ Ford ว่า “ถอดแผงนี้ออก คลายขดลวดตรงจุดนี้ เอาสายไฟ 16 รอบ เอาออกไป”
หลังจากทำตามคำประกาศ พวกเขาแทบจะอภิวาทเพราะเครื่องกําเนิดไฟฟ้า กลับมามีชีวิตอีกครั้งสมประสงค์
ไม่กี่วันต่อมา Henry Ford ได้รับใบเรียกเก็บเงินจาก Steinmetz เป็นเงิน $10,000 เล่นเอา Ford งงชะมัดยาด จึงขอ ให้แสดงใบแจ้งหนี้ โดยใช้วิธี แยกรายการ พระหัตถ์โปร Steinmetz ชี้แจงให้นายจ้างบรรลุสัจจะ ดังต่อไปนี้
หนึ่ง ทําเครื่องหมายจุดด้วยชอล์ก : $1
สอง รู้ว่าจะทําเครื่องหมายตรงไหน : $9,999
Ford จ่ายบิลยิ้มจุกๆ จะขำก็ไม่ได้ จะร้องให้ก็ขี้แย เซ็นต์มอบส่งให้ด้วยใจนับถือ โดยไม่ถามเป็นครั้งที่สอง
เรื่องนี้บันทึกไว้ โดย Jack B. Scott ลูกชายของพนักงานของ Ford ใน Life magazine เมื่อปี 1965 เป็นที่รู้กันว่า Steinmetz สูงเพียงประมาณ 4 ฟุต หลังค่อม เดินกระโผกกระเผก แต่ทว่า เขา คือ มือหนึ่งในหมู่นักวิทย์ ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค เฉียบแหลมด้านวิศวกรรมไฟฟ้า เพื่อนคนสนิทของเขา คือ Albert Einstein, Nikola Tesla และ Thomas Edison เรามีนักเตี้ยอีกคนหนึ่ง คือ สุรวงศ์ วัฒนกูล (ฮา) กลับหลังหันก็ยังทันอยู่ คุณแม่ ของเราก็ไม่ธรรมดา แน่ไม่แน่ก็แชร์น้ำนมให้
ลูกดูดดื่มได้โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร บ้านเมืองควรจะดำริมอบเหรียญ “มารดาโดยธรรม”