มุกควันหลงได้สั่งตรงมาจาก วันฮาโลวีน เด็กชายตัวเล็กมายืนเก๊กเคาะประตูบ้านสาวสวย หวังว่าเธอคงจะอวยด้วยเงินสด เพราะมันพกพาง่ายกว่าขนม (ฮา) เมื่อเธอโผล่หน้าออกมาเยี่ยมชมเด็กแก่แดดก็รีบแย่งพูดว่า “ข้าเป็นมนุษย์หมาป่า!” สาวสวยยิ้มแฉ่งพูดแย้งเอาเชิงว่า “ท่านมนุษย์หมาป่า เราแปลกใจว่าท่านไม่ได้สวมชุดแฟนซี หมาป่า น่าจะ มีขน มีหาง มีเขี้ยว ไม่ใช่เหรอคะ”
เด็กแก่แดดยิ้มด้วยความสงสัยว่าเธอคงจะมีแฟนเป็นทนาย ซักซอกแซกชะมัด จึง “ทมะ” คือ “ข่มใจ” ไม่เถียงเพราะเกรงว่าจะอดของฟรี ถึงกระนั้นก็ยังคง “งดทาน” คือ “ไม่ยอม” ยังหยิกนิดนึงว่า “ข้ายังไม่แปลงกาย เพราะว่า พระจันทร์ยังไม่เต็มดวง!” (อิๆ)
เพื่อนผมเขาถามผมว่า “เอ็งช่วยงานสายวัด ใช้หลัก ธรรมาภิบาล ในการใช้ชีวิตรึเปล่า” ผมเงยหน้ามองสหายแล้วถามว่า เอ็งถามคล้ายๆกับได้กลิ่นอะไรบางอย่างจากข้ารึเปล่า” เขาหัวเราะแล้วรีบชี้แจงว่า “ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแค่อยากจะรู้ว่าเอาไปใช้ยังไงมันถึงจะกลมกลืน”
ผมเทใจว่า “ข้าใช้หลักธรรมะคุ้มกบาล เป็น บอร์ดี้การ์ด นำร่องก่อนเลย ใครสนใจ หลักธรรมะคุ้มกบาล แทบจะไม่ต้องใช้ ธรรมาภิบาล เพราะว่า นิติธรรม คือ อย่าพูดในเงื่อนไขที่ไม่ควรพูด อย่าทอล์คให้เขาฟ้องได้ คุณธรรม คือ อย่าเอาเปรียบคนอื่น รู้จัก สวัสดี ขอโทษ ขอบคุณ เสน่ห์มาตรึม ไม่ต้องไปนอนให้ หมอผี เอาไข่ต้มมาคลึง (ฮา)
โปร่งใส คือ มีอะไรก็บอกกันตรงๆ อ้วยลีลาที่สุภาพ ส่วนร่วม คือ ผมรับงานบรรยายถวายชั้นเชิงเล่าธรรมะง่ายๆ ให้ชาวบ้านฟังรู้เรื่อง ถ้าเทศน์ด้วยศัพท์บาลีกันปร๋อ เขาจะคุยกันเองในวัด ข้าบรรยายเคล็ดลับการเล่าให้พระฟัง ฟรี มา 36 ปี
ทั้งๆ ที่เขามาลากให้ผมไปเป็นบอส ลงทุนกับคนคุ้นเคยแล้วโดนมันเท ปล่อยให้เราหาลูกค้าอยู่คนเดียว ข้าต้องเดินบากหน้าไปขอร้องธนาคารว่า อย่าเอาผมเข้าคุกเพราะว่าในคุกคงจะไม่มีเงินหมุนเวียน” (ฮา)
“ขอโม้หน่อยเหอะ ข้าถังแตกเพราะติดหนี้ธนาคาร พระให้เงินค่าบรรยายอยากได้ใจจะขาด ข้ากลืนเลือดแล้วปฏิเสธทุกจ๊อบจนชิน บรรยายฟรี มา 36 ปี เงินค่าตัวก็คืน วัด ถ้าเอาก็ซื้อบ้านได้หลัง ซื้อรถเบนซ์ได้คันนึง รับผิดชอบ คือ ไม่ทิ้งภาระที่รับปากเขาไว้ ภาระ แปลว่า หนัก ถ้าไม่อยากแบกของหนักก็อย่าสร้างภาระโดยไม่จำเป็น คุ้มค่า หมายถึง ใช้เงินให้ได้กำไรคืนเยอะโดยไม่มีใครเสียหาย สมัครงานเข้าไปแล้วก็จงทำงานให้เกินเงินเดือน ขยันให้เกินเวลาทำงาน ไอ้ที่บอกมาเนี่ยนะ มันรวมกันอยู่ใน หลักธรรมะคุ้มกบาล ครบถ้วนเลย”
สหายพยักหน้าหงึกๆ นั่งยิ้มหน้าแห้งๆ เปล่งวาจาเพียงวรรคเดียวว่า “ส่งหลักธรรมะคุ้มกบาล ให้กูหน่อย!”
เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร ตราบใดที่ยังไม่เข้าใจ “หลักธรรมะคุ้มกบาล!” มี งานมงคลสมรส ที่ออกอาการ “ทรัพย์ซ้อน!” คือ พ่อขัดใจไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับหนุ่มคนนี้ ทุกสายตาจึงจับจ้องมองไม่กระพริบไปที่เจ้าสาวและพ่อของเธอ ซึ่งกำลังเดินประกบพาเธอเดินตามทางเดิน
เมื่อเข้าไปไกล้เวทีที่จัดวางไว้ให้เจ้าบ่าวยืนรอ เจ้าสาวก็จูบพ่อของเธอ และก่อนจะผละจาก เธอก็วางบางอย่างไว้ในมือของพ่อ บรรดาแขกที่นั่งแถวหน้าเบิ่งต่าหัวเราะกันครึกครื้น เนื่องจาก เจ้าสาว จะยื่น บัตรเครดิตของพ่อ คืนให้ หลังจากพ่อตกลงยกเธอให้แต่งงานกับเจ้าบ่าว คล้ายๆ กับในหนังที่ทั้งสองฝ่ายต้องประคองจำเลยให้มาแลกชีวิตกันยังไงก็ยังงั้น
Cliff Thomas เภสัชกร เล่าไว้ ปู้ด! ในบุ้คของเขา เรื่อง Humor in Pharmacy เนื้อความที่มีรสชาติยิ่งกว่าเนื้อตุ๋นมีอยู่ว่า ร้านขายยา ของ ร็อกซี อยู่ตรงกันข้ามกับถนนจากศูนย์การแพทย์ที่พลุกพล่าน
มีอยู่สัปดาห์หนึ่ง คนสำคัญในศูนย์แปลงกายจาก คุณหมอ เป็น กัปตันฮุค ร็อกซี เธอเล่าลากไส้เอาไว้ว่า “คุณจะไม่มีวันเชื่อเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามของโรงพยาบาล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดร.บิงแฮม ซึ่งเป็น แพทย์อายุรศาสตร์ ที่มีงานยุ่งมาก กำลังตรวจคนไข้อยู่
เมื่อพยาบาลของเขาเข้ามาหา และแจ้งข่าวว่า “คุณหมอคะ ผู้ชายที่คุณเพิ่งตรวจไป ไม่มีโรคประจำตัว เดินออกจากห้องไปและล้มตาย ฉันควรทำอย่างไรดีคะ” เธอหายใจหนึ่งเฮือกแล้วพูด ว่า “หมอก็บอกว่า พลิกตัวเขาให้เหมือนว่าเขาเพิ่งเดินเข้ามา!” (ปู้ด!) เกร็ดคณิตศาสตร์ในวัยเรียนก็รู้กันว่า “ลบคูณกับลบผลจะออกมาเป็นบวก!” ผมไม่แน่ใจว่า “เครียด กระทบ เครียด มันจะกลายเป็น ฮา” รึเปล่า (อิๆ)
“กูลุย” ผู้ช่วยงานของ “กูรู” แต่งเรื่องเอาไว้ น่าสนใจ จริง จริ๊ง เดินเรื่องกันเลยนะ ณ โซนนอกเมือง มี “ศาลจูนจิต” สร้างไว้ตอบสนองผู้ที่ต้องการจะพักใจ อ้ายหนุ่ม ขับรถผ่านไปหาญาติ โดนฝนสาดซะมอมแมม เขาเลี้ยวเข้าไปหลบมรสุมอยู่ในโซน “ศาลจูนจิต” ฝนตกหนักจำใจต้องพักคืนหนึ่ง มันก็กลายเป็นคืนที่ไม่ได้พัก เพราะมีเสียง โคร่ก โคร่ก โคร่ก ดังเป็นระยะๆ รุ่งขึ้นเขาก็ถามว่า “เสียงเมื่อคืนมันคือเสียงอะไรอ่ะครับ”
ผู้ดูแลวางตัวเป็นนักพรตห่มผ้าเจ็ดสีดูดีแบบไม่กลัวโดนด่า ท่านก็พาไปดูข้างในอาคาร เจอห้องยาวเหยียด บานประตูก็เบ้อเร่อ ท่านบอกให้ผู้ช่วยงานมาพลักบานประตู ผู้ช่วยงานผลักประตูไปทีละบานๆ เสียงมันก็ดัง โคร่กๆ ฟังแล้วน่าฉงน เขาอดใจไม่ได้จึงถามซ้ำว่า “มันคือเสียงอะไรอ่ะครับ” นักพรต บอกว่า “คุณไม่ใช่นักพรต ให้เข้าไปดูไม่ได้”
ผ่านไปหลายเดือน อ้ายหนุ่ม ก็มาขอถือบวช นักพรตก็ยินดีต้อนรับ อยู่นานมาหลายเดือนจนในที่สุดก็รู้จนได้ว่ามันคืออะไร จากนั้นไม่นานเขาก็ขอลาจากการขอถือบวช เดินทางกลับบ้านก็ได้เจอหน้าภรรยา เธอก็ถามว่า “รู้หรือยังว่ามันเป็นเสียงอะไร” อ้ายหนุ่ม พูดเสียงเนิบๆว่า “รู้แล้ว!”
เธอก็ถามต่อว่า “มันเป็นเสียงอะไร” อ้ายหนุ่ม พูดนิ่มๆว่า “ผมบอกคุณไม่ได้ เพราะว่า คุณไม่ได้เป็นนักพรต!” ภรรยาฉุนกึ๊ก ขว้างข้าวต้มมัดลงบนพื้นแล้วถามว่า “มึงรู้ไหมว่านี่มันเสียงอะไร” อ้ายหนุ่ม ตอบว่า “ผมบอกไม่ได้ เพราะว่า ผมไม่ใช่ภรรยา” (ฮา)
ถ้าไม่รู้เรื่อง “หลักธรรมะคุ้มกบาล!” มักจะมีอาการยังงี้แหละ อิๆ