84,000 ชุด กับ มนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 17

02 พ.ค. 2568 | 23:00 น.

84,000 ชุด กับ มนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 17 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย... ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4093

ควันหลงจากโรงเรียนชั้นประถม มุกกระตุกต่อมฮาเกิดขึ้นในงานมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนวัยประถม ที่เรียนดีแต่ยากจน นายกสมาคมผู้ปกครอง ของโรงเรียนประถม ซึ่งเป็นประธานในพิธี หลังจากยื่นซองเงินสงเคราะห์การศึกษาให้กับ นักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน เสร็จแล้ว ท่านก็ขอสัมภาษณ์เพื่อสร้างสีสันบรรยากาศ

ท่านกวักมือแบบสุ่มชี้ไปที่ เด็กชายคนหนึ่ง ถามว่า “ขอโทษนะเธอ ลุงก็เคยจนมาก่อน ครอบครัวของเธอจนแบบไหนเหรอ” ครูเอาไมค์ไปจ่อปาก เด็กชายก็ตอบไปตามประสาว่า

“บ้านผมใหญ่กว่ากระต๊อบนิดเดียว อยู่ติดกับริมคลอง มีต้นไม้ปกคลุม หิ่งห้อยมาจับกลุ่มกันทุกคืน มีอยู่คืนหนึ่ง คนเมาเขามาตบหิ่งห้อยตกตายไปหลายตัว แม่ตะโกนว่า ใคร ปิด ไฟ หิ้งห้อยบินเพ่นพ่าน บ้านผมมืดตึ๊ดตื๋อเลย ที่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ครับ (ฮา) 

อาคันตุกะที่มาร่วมงานนั่งยิ้มกันด้วยความรื่นเริง ท่านประธานกวักมือชี้สุ่มชี้ไปที่เด็กหญิงคนหนึ่ง แล้วถามว่า “ครอบครับของหนูเป็นไงบ้างล่ะ” เด็กหญิงแสนซื่อก็เล่าว่า “แม่จูงหนูไปเป็นเพื่อนบ่อยมาก แม่เขาเดินไปตามถนนด้วยรองเท้าข้างเดียว เพื่อนบ้านถามว่า แม่คุณเอ๊ย รองเท้าหาย แม่ก็บอกว่า รองเท้าหายที่ไหนล่ะ ร้องเท้าไม่ได้หายเพราะมันไม่มีให้หาย ฉันเดินไปเรื่อย เพิ่งเจอได้มาข้างนึง เดี๋ยวคงเจอมันอีกข้างแหละ (ฮา) 

ทอล์คโชว์รอบนี้ ท่านประธาน กวักมือชี้สุ่มไปที่เด็กชายอีกคนหนึ่ง ถามทำนองเดียวกันว่า “ครอบครัวเธอ มีอะไรจะเล่าบ้างไหม” เด็กชายรายนี้คว้าไมค์มาฉลองศรัทธาว่า “บ้านผมทั้งจนและอลเวง แม่บอกผมว่า พ่อเขาหล่อ พ่อบอกแม่ว่า เธอก็สวย พ่อกับแม่เคลิ้มกันจนในที่สุดผมก็คลอดออกมา แม่แซวผมอยู่เรื่อยว่า เหตุที่ข้าคลอดเอ็งออกมาเพราะลืมไปว่า เราไม่มีเงินจะซื้อถุงยางอนามัยเผื่อไว้!” (ฮา)   

มุดเข้าเว็บไซต์คู่กัดเผ่าซูลู อนุสติมาอีกดอกนึง พนักงานสาวรำพึงไว้ว่า “ฉันทำงานให้กับบริษัทสตาร์ทอัพ ที่ทำงานอยู่ไกลคนละมลรัฐ เพื่อนร่วมงานที่อยู่กลางเมือง ได้เงินเดือนมากกว่าฉันสองเท่า พวกเขาเรียนจบจากโรงเรียนธุรกิจชั้นนำ 10 แห่ง ช่วงซัมเมอร์เขาไปติวพิเศษ  ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้ไปเข้าร่วมการประชุมเปิดตัวประจำปี

วิทยากรคนหนึ่งถามคนในห้องว่า “ใครเคยทำงาน เกรด A ที่ Amazon ไหม” ฉันยกมือขึ้นถามเขาว่า “คลังสินค้านับไหม” คนในห้องก็หัวเราะกันลั่น ฉันนึกไม่ออกว่าประสาทเส้นไหนกระตูกให้เขาขำ 

ถ้าผมเป็น กรรมการผู้จัดการ จะปรบมือให้เธอดังๆ เพราะว่า เสียงหัวเราะนั้น เป็นคีย์ที่ดูแคลนเพื่อนร่วมงาน

                             84,000 ชุด กับ มนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 17

ผู้ถือบวชคงจำได้ พระพุทธเจ้า ตรัสกับ พระเจ้าปเสนทิโกศล ว่า “ของ 4 อย่างนี้ ไม่ควรจะ ดูถูก ดูหมิ่น ว่าเล็กน้อย คือ กษัตริย์ ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่ายังทรงพระเยาว์ งู ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่าตัวเล็ก ไฟ ไม่ควรดูถูก ดูหมิ่นว่าเล็กน้อย และ  “ภิกษุ” ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่ายังหนุ่ม

ขอเล่าแบบคัดย่อว่า ยามฟ้าใกล้สาง พระพุทธเจ้า ใช้ “อนาคตังสญาณล่วงหน้าว่าจะมีเหตุอันใดเกิดขึ้น” ทรงเพ่งเห็นว่า “ปัญหาด้านวรรณะจะเกิดกับพระญาติแห่งศากยวงศ์!” พระราชธิดา ของ พระเจ้ามหานาม กรุงกบิลพัสดุ์ ถูกขับออกจากวัง อัครมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศล ถูกถอดพระยศ พระโอรสวทูฑภ โดนถอดตำแหน่งรัชทายาท เนื่องจาก พระเจ้าปเสนทิโกศล หวังจะร่วมราชวงศ์เดียวกับพระพุทธองค์ ลู่ทางที่เป็นไปได้ก็ต้องอภิเษกกับพระราชธิดา หารู้ไม่ว่า พระเจ้ามหานาม ทรงสับขาหลอก ส่ง วาสภขัตติยา เป็นบุตรีของนางทาสี  

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงยินดีในช่วงแรกที่ พระธิดาวาสภ มีพระประสูติกาลเป็นพระโอรส แต่ความลับก็ถูกเปิดเผย จึงขับไสไล่ส่งให้อุ้มโอรสเพียง 1 ชันษา ไปอยู่ตำหนักท้ายวัง พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งจึงเสด็จไปดู

เมื่อฉันภัตตาหารเสร็จก็ตรัสถามว่า “มหาบพิตร บัดนี้ มเหสีของท่าน อยู่ที่ไหน” พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ตรัส “เอ่อๆ อยู่ที่ตำหนักเล็กท้ายวัง พระเจ้าคะ” พระพุทธเจ้าตรัสถามด้วยเมตตาว่า “มหาบพิตร พระนางวาสภ เป็นธิดาพระราชาแห่งศากยะ  นางมาเมืองนี้ด้วยผู้ใดขอให้มา” พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสว่า “ข้าพระพุทธเจ้าไปสู่ขอนางมาเป็นมเหสีเองพระเจ้าข้า”

พระพุทธองค์ตรัสว่า “มหาบพิตร นางเป็นธิดาที่พระราชารับเชิญมาสู่พระราชา ได้โอรสก็โดยอาศัยพระราชา ไฉนพระโอรสจึงไม่มีสิทธิ์ในบัลลังค์ของพระชนก ก่อนนี้เคยมีพระราชาที่ได้พระโอรสกับหญิงเก็บฟืน แม้จะเพิ่งอยู่กันไม่นานนัก พระองค์ยังทรงยอมมอบราชสมบัติให้กับรัชทายาท” 

พระพุทธองค์ทรงตรัสเป็นอนุสติว่า เมื่อพระเจ้าพรหมทัตยังเป็นหนุ่ม ได้เสด็จประพาสป่าเพื่อการบันเทิง ครั้นได้เห็นสาวสวย ก็พึงใจจนในที่สุดก็ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน เวลาล่วงมาเกือบร้อยราตรี เธอรู้ว่า ตั้งครรภ์

อีกทั้ง มีนิมิตเห็นแสงในครรภ์สว่างพร่างพราย องค์พรหมทัตจึงทรงถอดพระธรรมรงค์โกเมนประทานให้วงหนึ่งแล้วกำชับว่า “ถ้าทารกเป็นหญิงเธอจงนำแหวนนี้ขายไว้เลี้ยงชีวิตเถิด หากทารกเป็นชาย เจ้าจงนำเขาเข้าไปหาพี่ที่ในพระนคร” 

เวลาเนิ่นนานผ่านไปสองแม่ลูกเดินทางมาถึงกำแพงวัง ทหารเห็นพระธรรมรงค์โกเมนก็ช่วยให้เข้าเฝ้า พระเจ้าพรหมทัตตกพระทัยไม่กล้ารับว่า เคยมีสัมพันธ์กับหญิงชาวบ้าน เธอจึงงัดไม้ตายวัดวาสนากันว่า “ด้วยสัจจะและบุญกุศลที่หม่อมฉันทำไว้ ถ้ากุมารนี้เป็นโอรสพระองค์ เมื่อโยนขึ้นเบื้องสูงขอให้ร่างลอยอยู่ไม่ตกลงมา หากไม่ใช่ก็จงตกลงมาลาโลก” 

พูดจบก็เหวี่ยงร่างกุมารสุดแรง กุมารลอยตัวนิ่งอยู่ได้เป็นที่อัศจรรย์ พระเจ้าพรหมทัตทรงกอดกุมารแล้ว ตรัสว่า “พ่อจะเลี้ยงเจ้าเอง” ประกาศนามพระราชโอรสว่า “กัฏฐวหนะ” ยกให้เป็นมหาอุปราช 

พระเจ้าปเสนทิโกศล รู้สึกปิติคืนตำแหน่งให้ พระธิดาแห่งศากยวงศ์ กับ พระราชโอรส ถ้าท่าน ดร.บี.อาร์. อัมเบดการ์ เกิดทัน พระพุทธเจ้า และ พระเจ้าปเสนทิโกศล คนวรรณะจัณฑาลจะหลุดพ้นความทุกข์กันตรึม 

ผมบรรยาย Mindset : ชุดความเชื่อ เสมอว่า “ถ้าเราไม่ลืมปมด้อยของผู้คนในตระกูลเรา เราก็จะเป็นคนดีที่รู้ตัวอยู่เสมอว่า ถ้อยคำพูดจาทับถมดูหมิ่นผู้อื่น คือ การกรีดแผลของผู้ใดผู้หนึ่งในตระกูลเราเช่นกัน”

จำไว้ใช่ว่า มาร์ติน ปธน. USA คนที่ 8 พูดว่า “2 วัน ที่มีความสุขที่สุด คือ วันรับตำแหน่ง กับ วันที่ลาออกจากตำแหน่ง” (ฮา)