84,000 ชุด กับ มนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 15

18 เม.ย. 2568 | 23:00 น.

84,000 ชุด กับ มนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 15 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย... ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4089

มิสสมมุติ คิดอยู่ในใจว่า วันนี้เราอารมณ์ดี กะว่าจะทำบุญเลี้ยงกาแฟใครก็ไม่รู้ ที่ยืนต่อแถวอยู่ข้างหลังสามคน กำลังจะส่งเงินให้แคชเชียร์เพื่อจะสั่งกาแฟสี่แก้ว จู่ๆ ก็มี ลูกค้าที่มักจะทำอะไรแบบง่ายๆ ถ้าเล่าแบบคัดย่อก็ระบุได้ว่า มักง่าย คนหนึ่ง เหาะเบียดคิวเข้ามาปาดหน้าหัวแถวแล้วยืนนิ่งโดยไม่สนใจใคร ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมผู้มีศักดาถึงได้โวย “มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร” เหตุที่โวยเช่นนั้น ก็เพราะมีคนเช่นนี้ที่ไม่รู้ว่าใผเป็นใผ (ฮา)

มิสสมมุติ เตือน “ลูกค้า” ผู้ที่ข่มขืน “คิว” ได้ยินกันทั้งแถวว่า “ขอโทษนะคะ คุณหลงคิวค่ะ!” ลูกค้า ก็ชี้แจงว่า “รถรอฉันอยู่ เช้านี้มีงานด่วน ฉันต้องไปก่อน” ในขณะที่ ลูกค้าตัวแซ่บ ยืนรอจ่ายเงินค่าอาหาร มิสกุ๊สมมุติ ซึ่งยืนรอเครื่องดื่มอยู่ใกล้กันนึกขึ้นได้ว่า จะทำดีแก้เคล็ด ทำไปทำมากลายเป็น “ทำดีไม่ถึงดี!”

หลังจาก มิสสมมุติ พูดเสียงดังว่า “หนูจะเลี้ยงเครื่องดื่ม ใครยืนอยู่ข้างหลัง หนูให้กินฟรีกันทุกคน นะคะ” ลูกค้าตัวแซ่บ ได้ยินชัดเจนที่งสองหู เธอหน้าแดงมากพูดอะไรไม่ออกเพราะเธอไม่ได้อยู่ในแถว เธอชำระเงินเสร็จก็คว้าขนมกับเครื่องดื่มแล้วรีบเผ่นตัวปลิว เพราะไม่มีอารมณ์จะยักคิ้วให้ใคร 

มิสสมมุติ ทำดี ที่ เลี้ยงกาแฟ และ ขนม กันคนละชุด ในกาลข้างหน้าเธอก็จะไม่มีวันอด  ในอีกมุมหนึ่งที่พูดโพล่งออกไปกระทบใจคู่กรณีตรงที่พูดว่า ใครยืนอยู่ข้างหลัง หนูให้กินฟรี ความหมายกระเทือนซางโดยนัยกระแสถ้อยคำ ปะฉะ ดะ ในเชิงที่ย้อนให้โดนใจในประเด็นที่ตัดพ้อ 

ผลานิสงส์อันพึง จึงมีครบทั้งลบและบวก อุปมาได้ว่า ทำดีไม่ถึงดี คือ สมองตั้งใจว่าจะทำให้มันดี แต่ทว่า ปากและลิ้นยี่ห้อชินกันเซ็น เฉี่ยวฝากแปลเป็นเอาไว้ในจิตของใครคนหนึ่งที่เราไม่รู้จริงๆ ว่า ลูกค้าตัวแซ่บ คือ ลูกสาวคนสุดท้องของประธานบริษัทที่ มิสสมมุติ เพิ่งจะได้รับการบรรจุตำแหน่งให้หมาดๆ นั้น เอ๋ง เอ๋ง เอ๋ง อ๋ง เอ๋ง เอ๋ง…

มิสเตอร์สมยอม เจอมุกจุกจี๊ดเดียวแต่ตาเขียวปั๊ดทุกครั้งที่พูดถึง พุงเรื่อง คือ ท้องเรื่อง มีเนื้อหาธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา ปรากฏการณ์แบบว่าไม่ถูกไม่ผิด ถ้าว่างลองเก็บเอาไปคิด รับรองได้ว่าผู้อ่านจะกลายเป็นมนุษย์สองจิต ระหว่าง ลูกศิษย์ กับ อาจารย์

เมื่อลูกศิษย์เห็นอาจารย์ของตนอยู่คนละฟากฝั่งของแม่น้ำที่กำลังไหลเชี่ยว เขาก็โชว์แขนและตะโกนถามว่า “จารย์เก๋า ผมอยากจะไปเดิน ฝั่งตรงกันข้าม จะไปได้ไงล่ะคร้าบ" จารย์เก๋า ยิ้มแป้น ตะโกนกลับมาในทันใดว่า “ก็เธอ กำลังเดินบนฝั่งตรงกันข้าม อยู่ไม่ใช่เรอะ จะถ่อข้ามหามสังขารมาทามมาย……” (ฮา) 

ใครเจอมุกยียวนแบบนี้แล้วยังยิ้มได้  เผลอๆ วันดี คืนดิ ลูกศิษย์อาจจะเอาดอกไม้ไปมอบให้ถึงประตูบ้าน จารย์เก๋า อาจจะเอาแหวนไปสวมนิ้วให้ถึงในห้อง ผมหมายถึงในห้องเรียนนะครับ (ฮา)

สวมเสร็จก็กล่าวเชิดชูลูกศิษย์ให้สหายร่วมรุ่นฟังว่า “ที่ฉันเอาแหวนมงคลมาให้สวม เพราะว่า เขาเป็นคนที่ชนะตัวเองได้มาหลายครั้ง ฉันถามเขาว่า เวลาเธอมี โทสะ เธอใช้หลักอะไรในการกำหนดให้จิตสงบ?” ลูกศิษย์ทั้งก๊วนนั่งเงียบกริบกันทั้งห้อง จารย์เก๋า เฉลยว่า เขาบอกฉันว่า เขาใช้ กุศโลบายย้ายจิต…”   

ผมเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านรู้ชัดว่า มุกที่ผมงัดเอาเล่าเป็นไลฟ์สไตล์ของ นักพรตนิกายเซน ปรมาจารย์ ทุกท่านเขามีลูกเล่นคล้ายๆ กับ คุณแม่ ที่เอายาถ่ายเคลือบช็อกโกแลตมาให้ลูกทาน หรือ คล้ายๆ กับสามีตีลูกเซ่อกับภรรยา หลังจาก ภรรยาย พูดแขวะ สามี ว่า แกนี่ไม่ได้เรื่องเล้ย ควายยังฉลาดกว่า สามี ได้ฟังก็พูดเบาๆ ให้ภรรยาได้ยินว่า “สงสัยจะจริง…” 

                     84,000 ชุด กับ มนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 15

วันต่อมา สามี แวะห้างสรรพสินค้า เลือก ขนม และ ผลไม้ ที่ ภรรยา เคยรำพึงว่ามันอร่อย กลับมาถึงบ้านก็แอบเข้าทางหลังบ้าน เล็ดลอดเข้าที่พักได้ก็อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ สามี ก็เอา ขนม กับ ผลไม้ จัดวางไว้บนโต๊ะ ภรรยา เดินออกมาจากครัวแล้วสัมภาษณ์ว่า “สีหน้ามีพิรุธนะแก…” 

สามีก็ยอมรับตามตรงว่า “ผมแพ้คุณทุกเรื่อง คุณได้เหรียญทองชีวิตวิ่งนำหน้าผมไปไกลไม่เห็นฝุ่น ผมเพิ่งจะ มีข่าวว่ามีแววจะได้เหรียญทองแดงวันนี้นี่เอง” 

ภรรยาทำหน้าในทำนองไม่ไว้ใจ สามี ก็เชิญให้ภรรยาไปนั้งที่ห้องรับแขก ภรรยาเห็นของโปรดโชติช่วงอยู่บนโต๊ะ ก็ปาดน้ำตาดาวพระศุกร์ กอดสามียังกะเพิ่งส่งตัวเข้าห้องหอ สามี บอกกับภรรยา ว่า “ผมชวนคุณมานั่งที่ห้องรับแขก เพราะว่า เธอ คือ แขกระดับบุคคลสำคัญในชีวิตของผม ผมต้อนรับทุกคนที่มาพบปะกันในบ้านเรา ผมดูแลเขาดีให้สมกับเป็นเจ้าของบ้าน ถ้าผมดูแลคุณน้อยกว่าอาคันตุกะ ผมก็ไม่ใช่สามีที่ดีพอ” (อ้วก!) 

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว ถ้าเรารู้จัก เปลี่ยนเรื่อง หยุดเถียงเรื่องกีฬา หันมาคุยเรื่องรสนิยมที่แฟนชอบ ความสงบก็จะงอกเงยเต็มบ้าน การย้ายหัวข้อที่คุยแล้วขัดใจกัน หันไปคุยในหัวข้ออื่นที่คาดว่าคุยกันรู้เรื่อง พายุโทสะ มันจะทุเลาจนสงบลงไปเอง 

นักเรียนเซ็น คนที่หนึ่ง กล่าวชื่นชมว่า

“ครูของฉันเก่งที่สุด เขาสามารถอยู่ได้หลายวันโดยไม่ต้องกินอาหาร”

นักเรียนเซ็น คนที่สอง กล่าวเชิดชูว่า

“ครูของฉันมี ความยับยั้งชั่งใจดีมากเขาสามารถอยู่ได้หลายวันโดยไม่นอนเลย"

นักเรียนเซ็น คนที่สามกล่าวฉับพลันว่า 

“ครูของฉัน ฉลาดมากที่กินเมื่อเขาหิวและนอนเมื่อเขาเหนื่อย"

สรุปได้ไหมว่า

“นักเรียนคนไหนที่ย้ายจิตไม่เป็น?"