รถยนต์ไฟฟ้า = คอมพิวเตอร์ที่วิ่งบนถนน (ด้วยความเร็วและมีชีวิตคนอยู่ในนั้น)
ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตและศูนย์กลางของการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แห่งภูมิภาคเอเชีย โดยมียอดการจดทะเบียน EV เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นโยบายส่งเสริมของภาครัฐ เช่น EV 3.0, EV 3.5 และเป้าหมาย 30@30 ได้ช่วยจุดกระแสความนิยม EV อย่างกว้างขวาง แต่ท่ามกลางการเติบโตนี้ ยังมีความเสี่ยงที่สำคัญในด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity) ของรถยนต์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และสาธารณชนหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเป็นระบบ
รถยนต์รุ่นใหม่ทุกวันนี้ โดยเฉพาะ EV ล้วนมีระบบซอฟต์แวร์ควบคุมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกไฟฟ้า พวงมาลัยอัตโนมัติ ระบบสื่อสารกับแอปมือถือ หรือแม้แต่ระบบนำทางแบบเชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา ซึ่งทั้งหมดนี้หากไม่มีมาตรการป้องกันที่ดี ก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้แฮกเกอร์ควบคุมรถได้จากระยะไกล และอาจทำให้เกิดความสูญเสียถึงชีวิตได้
“30@30” คือเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศไทยในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยมุ่งหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573)
1.1. ความหมายของ “30@30”
ผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (ZEV – Zero Emission Vehicle) ให้ได้ไม่น้อยกว่า 30% ของกำลังการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในประเทศไทย ภายในปี 2030
1.2. เป้าหมายเชิงตัวเลข
1.3. หน่วยงานผลักดันหลัก
1.4. จุดประสงค์หลักของ “30@30”
ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นฐานการผลิต EV และสนับสนุนการนำเข้า EV อย่างเป็นทางการ แต่ยังขาดการกำกับดูแลเฉพาะด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของรถ EV ในเชิงระบบไม่ว่าจะเป็น การตั้งมาตรฐาน การออกแบบ การตรวจสอบระบบซอฟต์แวร์ หรือการทดสอบความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ก่อนขายให้ผู้บริโภค
ประเทศพัฒนาแล้วได้เริ่มวางมาตรฐานเพื่อรับมือภัยเหล่านี้ โดยเฉพาะมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้:
เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยมีความมั่นใจและปลอดภัยจากความเสี่ยงไซเบอร์ในรถ EV จึงควรมีแนวทางเชิง นโยบาย ดังนี้:
6.1 ควรจัดตั้ง “คณะกรรมการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์สำหรับยานยนต์” โดยมีตัวแทนจาก:
6.1.1 กสทช. (กรณีเกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อเครือข่าย)
6.1.2 สกมช. (ดูแลภัยคุกคามไซเบอร์ในภาพรวม)
6.1.3 กระทรวงอุตสาหกรรม (สมอ., สศอ.)
6.1.4 กระทรวงพลังงาน (สนพ.)
6.1.5 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
6.1.6 ผู้แทนจากอุตสาหกรรม EV เอกชน
6.2 ให้ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สนค. สนพ. และ สำนักงานคณะกรรมการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมกันกำหนดเกณฑ์มาตรฐานไซเบอร์สำหรับยานยนต์ โดยอ้างอิงจากมาตรฐาน ISO/SAE 21434, ISO 24089, UN R155 และ UN R156
6.3 บังคับให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้า EV ต้องมีระบบจัดการซอฟต์แวร์และอัปเดตแพตช์ความมั่นคงปลอดภัยอย่างโปร่งใส
6.4 ตั้งศูนย์ประสานงานกลางสำหรับรับแจ้งเหตุช่องโหว่และภัยคุกคามในระบบซอฟต์แวร์ของยานยนต์
6.5 ให้ความรู้ผู้บริโภคเกี่ยวกับความเสี่ยงทางไซเบอร์ในรถ EV และการใช้งานอย่างปลอดภัย
ภัยไซเบอร์ในรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องของอนาคต แต่คือภัยที่เกิดขึ้นแล้วจริงในหลายประเทศ หากไม่มีการวางรากฐานการกำกับดูแลและมาตรฐานที่ชัดเจน ประเทศไทยอาจกลายเป็น ตลาดที่เสี่ยงต่อการแฮกมากที่สุดโดยไม่รู้ตัว ถึงเวลาแล้วที่ผู้กำกับดูแลทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันสร้าง “เกราะป้องกัน” ให้รถ EV ไม่ใช่แค่ปลอดควัน...แต่ยังปลอดภัยจากภัยไซเบอร์