SAWAD งานนี้เหนื่อย

07 ก.ค. 2565 | 23:00 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By…เจ๊เมาธ์

*** ในหุ้นกลุ่มตระกูลเดียวกันอย่าง JMART JMT และ SINGER ดูเหมือนทางด้านของ JMT ดูจะโดดเด่นที่สุด เพราะนอกจากจะสามารถเข้าไปอยู่ในดัชนีคำนวณ SET50 ได้ในปีนี้ ขณะที่ JMT ก็ได้ร่วมมือกับทาง KBANK ในการตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (AMC) โดยที่ทาง KBANK จะทำตัวเป็นลูกค้ารายแรกด้วยการส่งมอบหนี้เสีย (NPL) มูลค่า 3-50,000 ล้านบาท มาให้บริษัทตั้งใหม่ใช้เป็นทุนเริ่มต้น ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ที่เป็นบวกภายในปีนี้ และสามารถรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2566 ขณะที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างก็ให้ราคาเป้าหมายของ JMT เอาไว้สูงกว่าราคาหุ้นหน้ากระดาน ดังนั้นถ้าจะให้เลือกระหว่าง JMART JMT และ SINGER เจ๊เมาธ์ก็ขอเลือก JMT เหมือนกันค่ะ
 

อย่างที่เจ๊เมาธ์เคยบอกไปแล้วว่า หุ้นกินรวบอย่าง AOT เป็นเซฟโซนสำหรับนักลงทุนที่เลือกความมั่นคงของเงินต้น ในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนเป็นหลัก แต่ถ้าหากเป็นตลาดขาขึ้น...เจ๊เมาธ์ก็ยังยืนยันคำเดิมว่า AOT เป็นหุ้นที่จำเป็นจะต้องพักวางเอาไว้ อย่างหนึ่งคือ แม้ว่าผลการดำเนินงานที่ขาดทุนของ AOT จะไม่สามารถสร้างแรงกดดันที่ทำให้ราคาหุ้น AOT ปรับราคาลงมา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีแรงหนุนที่จะทำให้ราคาหุ้นปรับราคาขึ้นได้ง่ายๆ เช่นกัน 

 

ส่วนอีกเรื่องก็คือการที่ AOT จะเป็นบริษัทที่สามารถคาดเดาผลการดำเนินงานล่วงหน้า ทำให้นักลงทุนขาดความตื่นเต้นและให้ความสนใจ ดังนั้นเจ๊เมาธ์จึงยืนยันว่ านักลงทุนขาซิ่งดูเหมือนว่า AOT จะไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้านักลงทุนท่านไหนที่ชอบว่าเงินต้นเอาไว้ดูเล่น....ดูเหมือนว่า AOT จะเป็นคำตอบให้กับท่านได้เจ้าค่ะ
 

*** SAWAD กำลังมีปัญหากับข้อร้องเรียนเรื่องการคิดดอกเบี้ยเกินกฎหมาย-หักต้น-พ่วงขายประกัน-เรียกค่าไถ่โฉนด รวมแล้วหลายข้อกล่าวหาจนทำให้ราคาหุ้นของ SAWAD ปรับราคาลงไปแตะจุดที่ราคาต่ำที่สุดในรอบปี แต่หากมองในอีกมุม ปัญหาแรงกดดันที่มาจากกระแสดอกเบี้ยขาขึ้น รวมถึงการกำหนดเพดานดอกเบี้ยเงินกู้กลับเป็นปัญหาที่มากกว่าปัญหาอื่น ซึ่งหาก กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ก็จะทำให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม ซึ่งกรณีของบริษัทลีสซิ่งซึ่งทำธุรกิจด้วยการกู้เงินธนาคาร ไปปล่อยสินเชื่อให้ผู้กู้รายย่อย ก็ต้องเสียดอกเบี้ยให้กับธนาคารเพิ่มขึ้นทันที 

 

ขณะที่การกำหนดเพดานดอกเบี้ย พบว่าปัจจุบัน SAWAD ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ 4,000 ล้านบาท คิดเป็น 12% ของสินเชื่อเช่าซื้อรวม 36,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันชาร์จดอกเบี้ยอยู่ 30-35% ต่อปี ซึ่งหากการควบคุมเพดานดอกมีผลบังคับใช้ก็จะมีผลกับ SAWAD อย่างหนักทันทีเช่นกัน ดังนั้น ถึงแม้จะเห็นว่าราคาหุ้นในกลุ่มลีสซิ่ง จะปรับราคาลงมามากแล้วก็ไม่แน่ว่าจะดีและเล่นได้ทุกตัวนะคะ ต้องดูข้อมูลก่อนซื้อด้วยเจ้าค่ะ
 

*** เห็นราคาหุ้นของ PTTEP ร่วงลงมาแรงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นตัวนี้จะไม่ดี เจ๊เมาธ์มั่นใจว่า PTTEP เป็นหนึ่งในหุ้นที่ควรจะมีไว้ เพราะนอกจากจะกินส่วนต่างของราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง เพราะราคาพลังงานยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ทาง EU เดินหน้าลดการซื้อสินค้าพลังงานของรัสเซียส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติปรับราคาขึ้นสูง ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อไปก็คาดว่า นอกจากผลงานไตรมาส 2/65 ที่คาดว่าจะออกมาดีมากแล้ว ผลงานของ PTTEP ยังคงจะดีต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งปีหลังของปี 65 ด้วยเลย ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่ราคาหุ้นของ PTTEP ยังไปได้ไกลกว่านี้ เพราะกำไรสวยราคาหุ้นมันก็ควรต้องสวยตามไปด้วยเช่นกัน
 

*** การขาย 3BB และหน่วยลงทุน JASIF ออกไปทั้งหมดทำให้ราคาหุ้นของ JAS ลงมาแรง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนต่างก็รู้กันว่าจากนี้ไป JAS จะกลายเป็นบริษัทที่มีเงินสดแต่ไม่มีแหล่งของรายได้ ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ก็มีความเสี่ยงที่ JAS จะเป็นบริษัทที่รายได้มีไม่พอกับรายจ่าย ส่วนเรื่องที่สองคือ แม้ว่านักลงทุนจะรู้ว่าเงินสดมหาศาลที่ได้จากการขายสินทรัพย์ทั้ง 3BB และ JASIF จะถูกเอามาแบ่งจ่ายออกเป็นปันผลพิเศษ แต่นักลงทุนต่างก็รู้เช่นกันว่าเงินปันผลที่ว่ามันจะไหลไปหาใครเป็นหลัก ดังนั้น แล้วในจังหวะนี้เจ๊เมาธ์จึงยังคิดว่าอาจจะต้องมอง JAS อยู่ห่างๆ และมองอย่างเป็นห่วงอยู่บ้างนะคะ บอกตรงๆ ว่าราคาร่วงลงมารอบนี้ JAS อาการหนักเจ้าค่ะ