น้ำพุร้อนกับชายชรา

25 ก.พ. 2565 | 23:30 น.

คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

วันพฤหัสที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปอำเภอแม่จัน เพื่อร่วมงานแต่งงานของหลานชาย ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยมาก ไม่ใช่เพราะได้ไปเที่ยวหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะว่า ทุกครั้งที่ผมได้ไปอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ผมก็จะได้ไปใช้เวลาช่วงเช้าตรู่ฟ้ายังไม่สว่างไปอาบน้ำพุร้อนหรือออนเซ็น ที่บ้านห้วยหินฝนเป็นประจำ 


ซึ่งแม้ว่าบรรยากาศที่นี่ จะไม่เหมือนที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ก็อบอุ่นไปด้วยมิตรภาพจากเพื่อนรักสองสามคน ที่เราจะนัดแนะกันไปอาบน้ำพุร้อนทุกครั้งที่ผมมีโอกาสได้ไป เพื่อนๆ ก็จะมาชวนกันไปพบปะสังสรรค์กัน เพราะเขาทราบว่าผมเป็นมนุษย์ที่ชอบ(ถึงขั้นบ้า)กับการได้อาบน้ำพุร้อนหรือออนเซ็นทุกครั้งไปครับ


 

ทุกครั้งที่ไปอาบน้ำพุร้อนที่นี่ เพื่อนก็จะนำเอาไข่ไก่พื้นเมืองที่ใบเล็กกว่าไข่ทั่วไปเล็กน้อย ที่เขาหาซื้อมาจากตลาดสด ไปต้มน้ำพุร้อนเป็นไข่ออนเซ็นด้วยทุกครั้งไป เพื่อนบางคนก็เอาชา-กาแฟ บางคนก็เอาขนมและอาหารเช้าติดไม้ติดมือไปด้วย  


เวลาพวกเราแช่น้ำพุร้อนออนเซ็นเสร็จ ก็จะได้ร่วมวงสังสรรค์กันต่อ เอาแค่เล่าเรื่องความหลังสมัยที่เรียนหนังสืออยู่บนดอยกัน แค่นั้นก็เรียกความสุขใจกลับมาสู่ตัวเองได้เสมอ อีกทั้งยังทำให้ลืมความยุ่งเหยิงจากการทำงานในชีวิตประจำวันได้แล้วละครับ นี่เป็นการพักผ่อนหรือชาร์จแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดเลยครับ

อันที่จริงผมมีความผูกพันกับการอาบน้ำแร่หรือน้ำพุร้อนหรือออนเซ็น ตั้งแต่สมัยที่ยังหนุ่มแล้วครับ ซึ่งเป็นช่วงที่ผมได้ไปเรียนหนังสืออยู่ที่ไต้หวัน ในช่วงแรกๆ เลย ตอนนั้นสถานะทางการเงินของผมก็ยังแย่มากๆ แต่ผมก็ได้รับการเชิญจากเพื่อนรักคนหนึ่ง ชวนไปอบซาวน์น่าที่ไทเป นับว่าเป็นการอบซาวน์น่าครั้งแรกในชีวิตของผม 


แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความประทับใจเท่าไหร่นัก เพราะเราเกิดในประเทศที่มีภูมิอากาศร้อน จึงทำให้ไม่ค่อยชอบที่จะต้องไปอบตัวในห้องที่ร้อนมากๆ แต่ก็จะชอบแค่ขั้นตอนแรกของอบซาวน์น่าหรือออนเซ็น ที่จะต้องอาบน้ำชำระร่างกายก่อนอบซาวน์น่าเท่านั้น 


จากนั้นก็ต้องอาบน้ำในบ่อน้ำใหญ่ ซึ่งจำต้องแก้ผ้าแก้ผ่อนร่อนจ้อน แรกๆ ก็ขวยเขินมาก แต่มองซ้ายมองขวาเห็นทุกคนก็แก้ผ้ากันหมด ความอายเลยหมดไปด้วยเลย หลังจากที่แช่น้ำร้อนในบ่อใหญ่เสร็จ เพื่อนก็ชวนเข้าห้องอบไอน้ำ ทำให้รู้สึกอึดอัดมาก เพราะผมมันคนบ้านนอก ไม่เคยโดนไอน้ำที่เป่าตัวเข้าหูเข้าตา ทำให้หายใจไม่ออก 


จากนั้นก็พามาอาบน้ำใหม่อีกครั้ง หลังจากอาบน้ำเสร็จคราวนี้ต้องเข้าห้องอบแห้งจากความร้อน อากาศภายใต้อุณหภูมิสี่สิบกว่าองศา ทำให้อึดอัดมากอย่างที่บอก จึงไม่รู้สึกสบายตัวเหมือนดังที่เพื่อนบอกในตอนแรกก่อนที่จะไปเลยครับ นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต และผมก็ได้บอกตัวเองว่า เราจะต้องเสียเงินแพงๆ ไปทรมานตัวเองทำไมกัน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ไปอีกเลยครับ


     


จนกระทั่งเมื่อไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น มีเพื่อนชวนไปออนเซ็นกัน เราก็ไม่รู้ว่าออนเซ็นคืออะไร? แต่พอไปครั้งแรกถึงได้รู้ว่าออนเซ็นก็คล้ายๆ กับการอาบน้ำแร่หรืออบซาวน์น่าที่ไต้หวันนั่นเองครับ ก็...แหม ผมมันเด็กบ้านนอกคอกนา ไม่เค้ยไม่เคยครับ หลังจากที่ไปออนเซ็นครั้งแรก ก่อนไปเพื่อนก็เล่าถึงสรรพคุณของการแช่ออนเซ็นว่าดีอย่างไร? อีกทั้งสอนให้รู้จักวิธีการแช่ที่ถูกต้อง 

 

หลังจากครั้งนั้นทำให้ผมติดใจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเลยครับ ในช่วงที่มีสถานะทางการเงินดีขึ้น อีกทั้งมีการทำธุรกิจกับประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น จึงทำให้ต้องเดินทางไปญี่ปุ่นบ่อยขึ้น และทุกครั้งที่มีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นหรือไต้หวันอีก ผมมักจะร้องขอเพื่อนให้หาเวลาพาผมไปแช่ออนเซ็นทุกครั้งไปครับ
      


ที่ประเทศไทยเราเอง แม้จะมีน้ำพุร้อนหรือออนเซ็น แต่ก็ไม่ค่อยจะได้รับความนิยมเหมือนประเทศเมืองหนาว เนื่องจากอากาศร้อนเกินไป จึงทำให้คนไทยที่ไปแช่ออนเซ็นหรือน้ำพุร้อนน่าจะไม่ชอบก็เป็นได้ครับ นี่จึงเป็นที่มาว่าเวลาที่ผมได้ไปอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย จึงเป็นเวลาแห่งความสุขสำหรับชายชราอย่างผมจริงๆ ครับ
         


ส่วนข้อดีของการแช่น้ำพุร้อนหรือออนเซ็นนั้น คงไม่ต้องอธิบายสรรพคุณนะครับ เพราะปัจจุบันนี้ ข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตเยอะมาก เอาเป็นว่าในความรู้สึกส่วนตัวของผม ผมมีความรู้สึกว่าการได้แช่น้ำพุร้อนหรือออนเซ็น จะทำให้สบายตัว หายปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ช่วยให้คลายเครียด มีความกระปรี้กระเปร่าโล่งเนื้อเบาตัว เหมาะสำหรับคนแก่อย่างผมเป็นอย่างยิ่งครับ 

 


ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว น้ำพุร้อนหรือว่าออนเซ็นนั้น จะเกิดจากเขตที่เป็นพื้นที่ภูเขา ที่มีรอยเลื่อนของเปลือกโลกเป็นส่วนใหญ่ครับ ดังนั้นพื้นที่ราบเรียบเหมือนกรุงเทพฯ จึงมักจะไม่มีน้ำพุร้อนครับ เราอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ จึงไม่เคยได้สัมผัสความสุขของการได้นอนแช่ออนเซ็นหรือน้ำพุร้อนเลยครับ ถ้ามีสักที่ที่เป็นธรรมชาติ ผมคงจะขอจองอาบทุกวันเลยครับ