การเติบโตจากภายนอกของธุรกิจครอบครัว

11 ก.ค. 2564 | 22:17 น.

คอลัมน์ Designing Your Family Business โดยรศ.ดร.เอกชัย  อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์ และผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย [email protected]

สำหรับการกำกับดูแลธุรกิจครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการเปิดรับคณะกรรมการบริษัทที่เป็นผู้มีความสามารถจากภายนอกครอบครัวผู้ก่อตั้ง จะสามารถป้องกันไม่ให้พลวัตของครอบครัวมาขัดขวางการทำงานของบริษัท และยังส่งเสริมความคล่องตัวและความน่าดึงดูดใจของบริษัทได้ด้วย

 

ทั้งนี้จากการศึกษาดัชนีครอบครัวทั่วโลก (The 2019 Global Family Index study) โดย EY (Ernst & Young) ในปีค.ศ. 2019 พบว่า 55% ของธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก 500 ราย มีผู้นำที่มาจากภายนอกครอบครัว สะท้อนให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงแนวคิดในการถ่ายทอดตำแหน่งโดยสายเลือดแล้ว

 

ธุรกิจครอบครัวควรตระหนักว่าเพื่อรับมือกับความท้าทายของโลกสมัยใหม่แล้ว การสรรหาผู้บริหารจากภายนอกครอบครัวจะมีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร อย่างไรก็ตามการดึงดูดและรักษาพันธมิตรจากภายนอกที่มีทั้งประสบการณ์และมีคุณสมบัติที่เหมาะสม

 

รวมถึงสามารถเข้าใจวิสัยทัศน์และค่านิยมของครอบครัวยังคงเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่องเสมอมา ทั้งนี้เนื่องจากธุรกิจครอบครัวมักมีปัญหาการกำกับดูแลที่ซับซ้อนมากกว่าธุรกิจอื่นๆ แม้ครอบครัวจะมีอิทธิพลในการสร้างค่านิยมที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของบริษัท

 

ในระยะยาว แต่ในทางกลับกันมักมีปัญหาในเรื่องของกลยุทธ์ นวัตกรรม และแง่มุมทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อมของบริษัท ขัดแย้งกับความต้องการของผู้ถือหุ้นในครอบครัวที่มีต่อผลประโยชน์ของบริษัท อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติแล้ว

การเติบโตจากภายนอกของธุรกิจครอบครัว

แผนธุรกิจมักมองไปไกลกว่าวงครอบครัวและขยายไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อาทิ พนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ ผู้บริโภค ฯลฯ บทบาทของการกำกับดูแลจึงทำเพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาครอบครัวจะไม่เกิดขึ้นและขัดขวางการดำเนินธุรกิจ

 

ดังนั้นความสำเร็จและความยั่งยืนของธุรกิจครอบครัวจึงขึ้นอยู่กับการแยกการกำกับดูแลครอบครัวออกจากบริษัท ทั้งนี้การกำกับดูแลบริษัทจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ทางสังคมของบริษัท การทำงานที่เหมาะสม วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของครอบครัว

 

การดำเนินการร่วมกันและความเป็นหนึ่งเดียวของสมาชิกในครอบครัว เป็นต้น การนำเอาผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวเข้ามาในบริษัทและหน่วยงานบริหารเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงเวลาสำคัญในทุกช่วงชีวิตของบริษัท อาทิ การจัดการภาวะวิกฤติ การโอนย้าย การเติบโตภายนอก การพัฒนาระหว่างประเทศ ฯลฯ

 

ธุรกิจครอบครัวที่ปรับตัวเป็นมืออาชีพแล้วจำนวนมากจึงเปิดรับกรรมการบริษัทที่เป็นบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่จากกลุ่มครอบครัว โดยจากการสำรวจธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก 500 ราย ในปีค.ศ. 2019 พบว่า 77% ของสมาชิกคณะกรรมการบริษัทไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว

 

ทั้งนี้ที่ปรึกษาด้านธุรกิจครอบครัวให้คำอธิบายว่าการเข้ามาของกรรมการจากภายนอกทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆ ยกระดับการอภิปรายขึ้น และอยู่นอกเหนือปัญหาและความขัดแย้งระหว่างสมาชิกในครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

 

เนื่องจากความแตกต่างอย่างมากหรือความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ระหว่างกรรมการที่เป็นสมาชิกในครอบครัวอาจอุปสรรคอย่างมากต่อการทำงานที่เหมาะสมของคณะกรรมการได้ นอกจากนี้กรรมการจากภายนอกครอบครัวยังช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและเพิ่มความไว้วางใจให้มากขึ้นด้วยได้

 

ด้วยการกำกับดูแลครอบครัวแบบมีโครงสร้างและการจัดการองค์กรที่มั่นคง และโครงสร้างคณะกรรมการเช่นนี้ยังมีส่วนส่งเสริมความภักดีของพนักงาน อีกทั้งการเปิดกว้างนี้ยังสร้างโอกาสระยะยาวและช่วยดึงดูดคนเก่งเข้ามาในองค์กรซึ่งจะช่วยให้บริษัทเติบโตและก้าวหน้าต่อไปได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย

 

 

ที่มา: Andrews, P. 2021. Attracting Outside Talent Is Key Growth Factor For Family Firms. Available: https://familybusinessunited.com/2021/06/11/attracting-outside-talent-is-key-growth-factor-for-family-firms/

 

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.famz.co.th

 

หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,695 วันที่ 11 - 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2564