นักท่องเที่ยวจีน ตัวแปรเศรษฐกิจไทยเสี่ยง

19 ม.ค. 2566 | 10:25 น.

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3854

ในงานเวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัม (WEF) เวทีระดมพลังความคิดเพื่อพิชิตความท้าทายหลากหลายมิติที่โลกกำลังเผชิญ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 มกราคม 2566 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้มีการเปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็นบรรดาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ทั่วโลก พบว่าส่วนใหญ่มอง แนวโน้มเศรษฐกิจโลก จะซบเซาในปีนี้ท่ามกลาง ภาวะเงินเฟ้อ ที่เป็นปัญหาใหญ่ และส่งผลตามมาต่อการดำเนินธุรกิจ

สอดรับกับวิจัยกรุงศรี ชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจโลก มีแนวโน้มเผชิญ Mild recession และการเปิดประเทศของจีน อาจเป็น Game changer ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ที่เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้ภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยังคงมีความเปราะบางจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่คาดว่าอาจสูงถึง 3.7 ล้านคนต่อวัน และผู้เสียชีวิตที่ 25,000 คนต่อวัน และตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะปรับสูงมากขึ้นอีก หลังจากเทศกาลตรุษจีน ที่อาจสั่นคลอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ได้  

ขณะที่ความหวังของไทยในการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวปีนี้ได้ ยังคงต้องพึ่งภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก วิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่า ผลจากจีนเปิดประเทศ จะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยราว 25-28 ล้านคนในปีนี้ แม้ว่าช่วงแรกนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ จะเดินทางด้วยตัวเองและเป็นกลุ่มนักเดินทางระดับบนที่มีกำลังซื้อสูงมีจำนวนไม่มากก็ตาม แต่ก็มีความหวังในช่วงครึ่งปีหลังว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญช่วยหนุนให้ GDP ไทยในปีนี้จะยังเติบโตได้ที่ 3.6%

รวมทั้งรัฐบาลพยายามตั้งรับกับภาวะเงินเฟ้อ ที่เกิดจากปัญหาราคาน้ำมัน เพื่อพยุงภาวะเศรษฐกิจ คณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบการต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลิตรละ 5 บาท ออกไปอีกเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2566 - 20 พฤษภาคม 2566 เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้ประชาชน ถือเป็นการขยายกรอบระยะเวลาทั้งหมด 6 ครั้ง รวมเป็นรายได้ที่รัฐสูญเสียราว 1.4-1.5 แสนล้านบาท ยอมแลกกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ 

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังมีข้อกังวลกับการเปิดประเทศของจีน หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีนกลับมาระบาดมีแนวโน้มตัวเลขเพิ่มสูงมากขึ้นอีก และอาจส่งผลให้จีนต้องล็อกดาวน์อีกครั้ง จะยิ่งส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความถดถอยมากยิ่งขึ้น และกระทบต่อมายังเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะภาคส่งออกของไทย ที่ต้องเผชิญกับปัจจัยลบจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว จากภาวะถดถอยในประเทศคู่ค้าหลัก ทั้งสหรัฐอเมริกา และยุโรป อยู่แล้ว ก็จะอาการสาหัสมากขึ้น จากที่ประเมินเวลานี้คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทย (สกุลดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2566 อาจเติบโตได้เพียงเล็กน้อยที่ 0.5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3.5%

เมื่อพึ่งความหวังจากนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้ ก็ต้องหันมาพึ่งพากันในประเทศ ความหวังเล็กๆ ที่อาจจะพอช่วยได้บ้าง เห็นจะเป็นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่พอจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศได้ แต่ก็ยังต้องรอคอยกันต่อไปว่ารัฐบาลจะเร่งคลอดมาตรการนี้ออกมาเมื่อใด