กต.ผิดหวัง 'ทรัมป์' ยันทหารไทยเหยียบกับระเบิดกัมพูชา 7 ครั้ง ไม่ใช่อุบัติเหตุ

13 ธ.ค. 2568 | 09:10 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2568 | 10:34 น.

สีหศักดิ์ รมว.ต่างประเทศ แถลงไทยผิดหวังสหรัฐฯ หลังทรัมป์โพสต์ข้อความคลาดเคลื่อน เข้าใจผิดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้เหยียบทุ่นระเบิด 7 ครั้ง ไม่ใช่อุบัติเหตุ

KEY

POINTS

  • กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แสดงความผิดหวังต่อความเห็นของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยยืนยันว่าเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิด 7 ครั้ง ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เกิดจากการที่กัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่โดยเจตนา
  • กต. ชี้แจงว่าการตอบโต้ของไทยเป็นการกระทำที่ได้สัดส่วน ไม่ได้รุนแรงเกินกว่าเหตุ และรู้สึกผิดหวังในฐานะที่ไทยเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาค
  • ไทยยกเหตุการณ์ที่กัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่พื้นที่พลเรือน เป็นอีกหลักฐานที่ชี้ถึงความจงใจของฝ่ายกัมพูชา
  • ไทยพร้อมให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ย้ำว่าการหยุดยิงจะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากความพร้อมของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การเรียกร้องเพียงฝ่ายเดียว

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าว ณ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อชี้แจงพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และตอบโต้ประเด็นสำคัญที่ปรากฏในข้อความของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บน Truth Social ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อคืนที่ผ่านมา

รัฐมนตรีฯ สีหศักดิ์ ได้กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์สำหรับความห่วงใยและความปรารถนาดีที่จะเห็นสันติภาพเกิดขึ้น แต่เน้นย้ำว่า สันติภาพนั้นคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากฝ่ายเดียว และจะต้องมาจากความต้องการของทั้งสองฝ่าย โดยแสดงความกังวลว่าข้อความของทรัมป์อาจสะท้อนว่าฝ่ายสหรัฐฯ ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง หรืออาจได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากแหล่งที่จงใจบิดเบือนข้อมูล

ปมทุ่นระเบิด ถึง 7 ครั้ง ไม่ใช่ "อุบัติเหตุ"

ประเด็นที่ฝ่ายไทยรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งคือการที่ข้อความของนายทรัมป์ระบุว่า เหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดและได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นเพียง "อุบัติเหตุ" หรือ "roadside bombing" รมว.กต.ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุอย่างแน่นอน

"ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนคือเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการที่ฝ่ายกัมพูชาได้ วางทุ่นระเบิดใหม่ โดยเกิดขึ้นถึง 7 ครั้ง ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว การวางทุ่นระเบิดใหม่นี้ยังได้รับการยืนยันโดยคณะผู้สังเกตการณ์ของอาเซียน (AOT) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างของฝ่ายไทยฝ่ายเดียว" นายสีหศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีการย้ำถึงเหตุการณ์ที่แสดงความจงใจของกัมพูชาในวันนี้ คือการที่ฝ่ายกัมพูชาได้ ยิงจรวด BM-21 ไปยังพื้นที่พลเรือนในจังหวัดศรีสะเกษ โดยมีคนไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 4 ราย ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากความจงใจของฝ่ายกัมพูชา

การโต้ตอบที่ได้สัดส่วน และความผิดหวังในฐานะ "พันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุด"

ส่วนที่ปธน.ทรัมป์ยังมีการกล่าวถึงการโต้ตอบของฝ่ายไทยว่าอาจมีความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ซึ่งนายสีหศักดิ์ ชี้แจงว่า การโต้ตอบของฝ่ายไทยนั้นได้สัดส่วน กับปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชาแล้ว และไม่ได้เป็นการโต้ตอบเกินกว่าเหตุ

"ฝ่ายไทยรู้สึกผิดหวังที่ข้อความดังกล่าวอาจกระทบต่อความรู้สึกของคนไทย เนื่องจากไทยมีความภูมิใจในการเป็น พันธมิตรทางสนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ และยังเป็น Non-NATO Ally (พันธมิตรแม้ไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต) ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับประเทศสมาชิกนาโต ไทยและสหรัฐฯ ได้ร่วมเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านความมั่นคงร่วมกันมาในอดีต และความสัมพันธ์ระหว่างกันยังคงอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันทางด้านความมั่นคง" รมว.กต. กล่าว

ความโปร่งใส: ไทยพร้อมให้ตรวจสอบทุกกรณี

นายสีหศักดิ์ กล่าวถึงประเด็นที่ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ปะทะด้วยวิธีทางดาวเทียม, โดยฝ่ายไทยยืนยันว่า ไม่มีปัญหาใดๆ กับการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยวิธีทางดาวเทียม แต่ไทยได้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบ ทั้งเรื่องของเหตุการณ์การปะทะและเรื่องของการใช้ทุ่นระเบิดใหม่ ด้วย

ทั้งนี้ ไทยเชื่อมั่นในความโปร่งใสและเคยเรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาเรื่องทุ่นระเบิด

เงื่อนไขของการหยุดยิง และการต่อสู้ในเวทีระหว่างประเทศ

ในประเด็นเรื่องการหยุดยิง รมว.กต. ย้ำว่า การหยุดยิงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยทันที หรือเกิดจากความปรารถนาเพียงฝ่ายเดียว การหยุดยิงที่ยั่งยืนจำเป็นต้องเกิดขึ้นจากความพร้อมของทั้งสองฝ่าย

"จะพูดเรื่องการหยุดยิงได้อย่างไร ในเมื่อฝ่ายกัมพูชาก็ยังไม่หยุดยิง"นายสีหศักดิ์ กล่าวพร้อมยืนยันว่า ในระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับโดนัลด์ ทรัมป์นั้น ยังไม่มีการพูดคุยถึงข้อตกลงหยุดยิง แต่ในการพูดคุยระหว่างรัฐมนตรีฯสีหศักดิ์ กับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมีการหารือกันว่า หากจะมีการหยุดยิงเกิดขึ้นจริง ฝ่ายทหารของทั้งสองประเทศต้องมีการประเมินสถานการณ์และพูดคุยในรายละเอียดเงื่อนไขของการหยุดยิง

"เงื่อนไขไม่ควรถูกกำหนดจากระดับนโยบายหรือนักการเมือง แต่ต้องเป็นเงื่อนไขที่ฝ่ายทหารเห็นว่าเหมาะสมและสามารถปฏิบัติได้จริง การประกาศหยุดยิงแต่ยังคงมีการยิงอยู่ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร การต่อสู้ในสถานการณ์นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริเวณชายแดนเท่านั้น แต่ยังเป็น การต่อสู้ในเวทีระหว่างประเทศ ด้วย เนื่องจากมีฝ่ายที่พยายามบิดเบือนประเด็นปัญหาที่แท้จริงเพื่อสร้างความได้เปรียบ"

ภัยคุกคามอื่น ๆ และจุดยืนด้านการค้า

รมว.กต. ระบุด้วยว่า ภัยคุกคามตามแนวชายแดนในขณะนี้ไม่ได้มาจากปฏิบัติการทางทหารของกัมพูชาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาในรูปแบบของ สแกมออนไลน์ (Online Scams) ซึ่งก่อให้เกิดการค้ามนุษย์ และมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากทั้งในและนอกภูมิภาค ไทยกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ในการปราบปราม และจะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ในวันที่ 17 ธันวาคมนี้

ส่วนในประเด็นการค้าและการเก็บภาษี นายสีหศักดิ์ แสดงความขอบคุณที่ ปธน.ทรัมป์เห็นว่าการเจรจาควรดำเนินต่อไปในระดับผู้ปฏิบัติ (working level) ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของไทยที่เห็นว่า เรื่องสถานการณ์ชายแดนไม่ควรนำมาเชื่อมโยงกับการเจรจาการค้า ที่เกี่ยวข้องกับภาษี

ความร่วมมือในอนาคต

นายสีหศักดิ์ ย้ำว่า ประเทศไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพร้อมเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนวาระพิเศษตามที่มีการเสนอ