G20 เดือด! แอฟริกาใต้จับมือพันธมิตรออกแถลงการณ์ ชนสหรัฐฯ คว่ำบาตรประชุม

23 พ.ย. 2568 | 10:23 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ย. 2568 | 10:30 น.

G20 ปะทุความขัดแย้ง แอฟริกาใต้ดึงทุกชาติร่วมออกแถลงการณ์รับมือวิกฤตภูมิอากาศ แม้สหรัฐฯ ไม่ร่วมวงและคัดค้านหนัก พร้อมกล่าวหาถูก “ใช้เวที” โจมตีนโยบาย ขณะอาร์เจนตินาถอนตัวนาทีสุดท้าย เพิ่มแรงสั่นสะเทือนเวทีเศรษฐกิจโลก

KEY

POINTS

  • แอฟริกาใต้ในฐานะเจ้าภาพ G20 ผลักดันให้ที่ประชุมออกแถลงการณ์ร่วมได้สำเร็จ แม้สหรัฐอเมริกาจะคว่ำบาตรและคัดค้านอย่างหนัก
  • เนื้อหาในแถลงการณ์ร่วมมีประเด็นที่ขัดแย้งกับท่าทีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรื่องวิกฤตสภาพภูมิอากาศ พลังงานหมุนเวียน และปัญหาหนี้สินของประเทศยากจน
  • สหรัฐฯ กล่าวหาว่าแอฟริกาใต้ใช้ตำแหน่งประธาน G20 เป็นเครื่องมือทางการเมือง หลังจากที่ตนไม่ได้มีส่วนร่วมในการร่างแถลงการณ์
  • ความขัดแย้งบานปลายไปถึงประเด็นพิธีการทางการทูต เมื่อแอฟริกาใต้ปฏิเสธผู้แทนที่สหรัฐฯ ส่งมารับมอบตำแหน่งประธาน G20 โดยมองว่าเป็นการละเมิดมารยาท

การประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ปิดฉากลงท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองระหว่างประเทศ เมื่อบรรดาผู้นำสามารถออกแถลงการณ์ร่วมได้สำเร็จ แม้สหรัฐอเมริกาจะคว่ำบาตรและคัดค้านอย่างหนักจนทำให้ทำเนียบขาวกล่าวหาว่าแอฟริกาใต้ “ทำให้ตำแหน่งประธาน G20 กลายเป็นอาวุธทางการเมือง” ในปีที่สหรัฐฯ ไม่ได้มีส่วนร่วมร่างข้อความแม้แต่น้อย

โฆษกประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ระบุชัดว่าเอกสารดังกล่าว “ไม่สามารถเจรจาใหม่ได้” หลังตลอดทั้งปีมีการทำงานอย่างเข้มข้นเพื่อให้เกิดฉันทามติ แม้จะปราศจากการมีส่วนร่วมจากสหรัฐฯ ซึ่งผู้บริหารภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เลือกที่จะไม่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ โดยกล่าวอ้างว่ารัฐบาลผิวสีของแอฟริกาใต้มีพฤติกรรมกดขี่ชาวผิวขาว แม้ข้อกล่าวหานั้นจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางก็ตาม

สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดขึ้นเมื่ออาร์เจนตินา นำโดยประธานาธิบดีฮาเวียร์ ไมเล ผู้เป็นพันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ ถอนตัวจากการรับรองร่างเอกสารในนาทีสุดท้าย ด้วยเหตุผลว่าภาษาที่กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังไม่สะท้อน “ความซับซ้อนทั้งหมดของสถานการณ์” แม้จะถอนตัว แต่รัฐมนตรีต่างประเทศปาโบล ควิร์โน ย้ำว่ายังคง “ยึดมั่นในจิตวิญญาณของความร่วมมือของ G20” ขณะที่รามาโฟซายังคงเดินหน้ารับรองเอกสารต่อไป โดยเห็นว่า “เป็นฉันทามติที่เพียงพอ”

สาระสำคัญของแถลงการณ์ครั้งนี้โดดเด่นด้วยประเด็นที่สหรัฐฯ ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะเนื้อหาที่เน้นความรุนแรงของวิกฤตภูมิอากาศ การสนับสนุนเป้าหมายพลังงานหมุนเวียน และการชี้ให้เห็นภาระหนี้ที่กดทับประเทศยากจน ซึ่งล้วนเป็นถ้อยคำที่ฝ่ายทรัมป์แสดงท่าทีต่อต้านมาตลอด ขณะที่เจตนาของแอฟริกาใต้คือการเน้นบทบาทการเป็นเจ้าภาพ G20 แห่งแรกของทวีปแอฟริกา โดยรามาโฟซากล่าวในพิธีเปิดว่า “ไม่ควรปล่อยให้สิ่งใดมาบั่นทอนคุณค่าของประธานาธิบดี G20 แห่งแอฟริกาครั้งแรกนี้”

นอกจากความขัดแย้งสหรัฐฯ-แอฟริกาใต้แล้ว เวทียังสะท้อนความแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์รอบด้าน ทั้งประเด็นสงครามยูเครน การเจรจาสภาพภูมิอากาศที่ยังตึงเครียดในเวที COP30 ที่บราซิล และท่าทีระแวงต่อกันของมหาอำนาจ เช่น คำเตือนจากนางเออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเยน แห่งสหภาพยุโรป เรื่อง “การใช้อิทธิพลทางเศรษฐกิจเป็นอาวุธ” ซึ่งถูกมองว่าเป็นการพาดพิงจีน ขณะที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน เรียกร้องให้ G20 กลับสู่ “เส้นทางของเอกภาพและความร่วมมือ”

ความตึงเครียดปิดท้ายด้วยข้อขัดแย้งเชิงพิธีการ เมื่อสหรัฐฯ เสนอส่งผู้รักษาการแทนเอกอัครราชทูตมารับไม้ต่อประธาน G20 ในปีหน้า แต่ถูกแอฟริกาใต้ปฏิเสธทันที โดยระบุว่า “เป็นการละเมิดมารยาททางการทูต” ก่อนประกาศว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ระดับเดียวกันไปทำหน้าที่ส่งมอบตำแหน่งในกระทรวงการต่างประเทศแทน