'อนุทิน' หารือ “ทรัมป์–อันวาร์” ย้ำสันติภาพชายแดน กัมพูชาต้องแสดงความรับผิดชอบ

15 พ.ย. 2568 | 07:24 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2568 | 07:39 น.

กระทรวงต่างประเทศเผยผลหารือทางโทรศัพท์ นายกรัฐมนตรีกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” และนายกฯ มาเลเซีย ตอกย้ำความสำคัญของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมรับการสนับสนุนจากทั้งสองฝ่ายในการเดินหน้ากระบวนการสันติภาพ

KEY

POINTS

  • นายกฯ อนุทิน ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
  • ไทยชี้แจงว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงด้วยการลอบติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่จนทหารไทยบาดเจ็บสาหัส และเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
  • สหรัฐฯ และมาเลเซียรับที่จะช่วยสนับสนุนกระบวนการสันติภาพให้เดินหน้า โดยไทยย้ำว่าหัวใจสำคัญคือการที่กัมพูชาต้องเปิดพื้นที่ให้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามข้อตกลง

รายงานข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมรับฟังการสนทนา ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้โทรศัพท์ประสานกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อสรุปแนวทางการดำเนินการต่อเนื่องในกระบวนการสันติภาพชายแดนไทย–กัมพูชา

สรุปผลการหารือที่สำคัญได้ดังนี้

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สอบถามถึงสถานการณ์ล่าสุดระหว่างไทยกับกัมพูชา นายกรัฐมนตรีจึงได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงว่า ทั้งสองฝ่ายพึงต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้เห็นชอบร่วมกันเพื่อนำไปสู่สันติภาพได้

อย่างไรก็ดี ไทยมีความเสียใจที่กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายก่อน โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องทุ่นระเบิดที่เป็นข้อตกลงสำคัญที่ระบุในปฏิญญาที่มาเลเซีย ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาเห็นชอบที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ยังตกค้างตามแนวชายแดนรวมถึงการไม่ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ฝ่ายกัมพูชายังบ่ายเบี่ยงข้อเท็จจริงด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ขณะที่ตนได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง สามารถยืนยันได้ว่า มีการลักลอบติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ ส่งผลให้ทหารไทยที่ทำการลาดตระเวนตามปกติได้รับบาดเจ็บสาหัสสูญเสียขา นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้เชิญคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สอบถามถึงความคาดหวังของไทยที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า ไทยยึดมั่นในสันติภาพ แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ต้องยอมรับข้อเท็จจริงและแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงมีมาตรการป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต

ที่สำคัญที่สุดคือจะต้องเปิดพื้นที่จำนวน 13 แห่งที่เคยหารือกันไว้แล้ว ให้ฝ่ายไทยได้เริ่มดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดโดยไม่ขัดขวางปฏิบัติการดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนทั้งสองฝ่าย

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รับฟังอย่างเข้าใจ และรับที่จะไปช่วยพูดคุยกับกัมพูชาในเรื่องนี้ให้ และย้ำว่าทั้งสหรัฐฯ และมาเลเซียพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเดินหน้าในกระบวนการสันติภาพได้ ทั้งนี้ โดยมิได้ประสงค์ที่จะแทรกแซงการแก้ไขปัญหาของทั้งสองประเทศตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับท่าทีของกัมพูชา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ไทยมุ่งมั่นในแนวทางสู่สันติภาพ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันแบบนี้ก็จำเป็นต้องสงวนสิทธิที่จะดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย

 ภายหลังการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรียังได้โทรศัพท์หารือกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อประสานข้อมูลที่ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งนายอันวาร์ฯ ได้แสดงความเข้าใจ และว่าตนเองก็ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย

ต่อการสอบถามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนมีแผนการที่จะดำเนินการต่อไปอย่างไรบ้าง ซึ่งนายอันวาร์ฯ รับที่จะไปช่วยหาแนวทางที่จะให้กระบวนการสันติภาพได้เดินหน้าต่อไป โดยคำนึงถึงข้อเสนอของฝ่ายไทย ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อนายอันวาร์ฯ ว่า ตนได้ตอกย้ำกับสหรัฐฯ ด้วยว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นหัวใจสำคัญของข้อตกลงที่ปรากฏในปฏิญญาฯ

ทั้งนี้ ก่อนหน้าการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายอันวาร์ฯ ได้โทรศัพท์หารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์และแสดงความเข้าใจต่อท่าทีของไทยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้ชี้แจ้งว่า ฝ่ายมาเลเซียกำลังพิจารณานำข้อมูลต่าง ๆ ไปช่วยหาแนวทางเพื่อจะได้เดินหน้าต่อไป