KEY
POINTS
ไทยถูกลดบทบาทในเวทีโลก ต่างชาติมองไทยเพียงประเทศที่ “อาหารอร่อย คนดี ท่องเที่ยวสวย” ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นผู้เล่นหลักในภูมิภาคอีกต่อไป
3 ปัจจัยทำไทยถอยหลัง การเมืองไม่มั่นคง–รัฐประหารซ้ำ เศรษฐกิจโตช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน และการทูตขาดความเชิงรุก ไม่สร้างพันธมิตรใหม่
6 มาตรการฟื้นศักดิ์ศรีชาติใน 4 เดือน จาก “At Home First” สร้างเอกภาพภายใน สู่ “ทูตเศรษฐกิจ” เดินหน้ารุกตลาดโลก ฟื้นบทบาทภูมิภาค รักษาสมดุลมหาอำนาจ และสื่อสารให้ประชาชนมีส่วนร่วม
"จากประเทศที่เคยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค สู่ภาพจำที่ต่างชาติมองว่า “ไทยคือประเทศที่มีคนดี อาหารอร่อย และแหล่งท่องเที่ยวสวย”
นั่นคือคำวิเคราะห์ตรงไปตรงมาจาก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่เปิดใจในรายการ “เนชั่นอินไซต์” ถึงภาวะ “ถอยหลังทางการทูต” และแนวทางฟื้นสถานะประเทศไทยให้กลับมามีบทบาทในเวทีโลกอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม สถานะของไทยในเวทีโลกลดลงอย่างชัดเจน ตอนนี้เราถูกมองแค่ว่ามีคนดี อาหารดี และท่องเที่ยวเด่น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
รมว.ต่างประเทศอธิบายด้วยประสบการณ์จากการทำงานในฐานะอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ว่าในสายตาชาวยุโรป เมื่อเอ่ยถึงภูมิภาคอินโด–แปซิฟิก ประเทศที่มักถูกพูดถึงคือ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม แต่ “แทบไม่มีใครพูดถึงไทยเลย”
หากย้อนประวัติศาสตร์ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยกับเกาหลีใต้เคยมีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน แต่ปัจจุบันเกาหลีใต้ก้าวสู่ผู้นำด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรม ส่วนไทยกลับไม่สามารถต่อยอดศักยภาพได้
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว อินโดนีเซียเข้ากลุ่ม G20, สิงคโปร์แม้เป็นประเทศเล็กแต่อิทธิพลใหญ่โต, มาเลเซียมีบทบาทนำในโลกมุสลิม, และเวียดนามเร่งขยายข้อตกลงการค้าเสรีทั่วโลก ไทยกลับถูกมองว่า “ขาดความคล่องตัวและไม่กล้าตัดสินใจ”
รมว.สีหศักดิ์ชี้ว่า ปัญหาหลักมีสามประการ
ทั้งนี้ เพื่อฟื้นบทบาทของไทย กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำแผนระยะสั้น 4 เดือน โดยโดยมี 6 มาตรการสำคัญ
แนวทางทั้งหมดสะท้อนความพยายามของรัฐบาลชุดนี้ในการ “คืนศักดิ์ศรีทางการทูต” และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ไทยในสายตานานาชาติ — จากประเทศที่ถูกจดจำเพียงเรื่องการท่องเที่ยวและอาหารอร่อย สู่ประเทศที่มีบทบาทเชิงรุกในเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความร่วมมือระดับภูมิภาค
“เราต้องทำให้โลกเห็นว่า ไทยไม่ใช่เพียงจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว แต่คือประเทศที่คิดเป็น ทำเป็น และพร้อมเดินหน้าสู่อนาคต”