KEY
POINTS
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มมีพัฒนาการเชิงบวก หลังการประชุมทวิภาคีสำคัญสองเวทีระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคม 2568 ได้แก่ การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ที่จังหวัดจันทบุรี และการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (GBC) สมัยพิเศษที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งถือเป็นการเปิดโต๊ะหารืออย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งระหว่างสองประเทศ เพื่อคลี่คลายปัญหาความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนและฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า ไทยยืนยันท่าทีชัดเจนว่าเรื่องเขตแดนเป็นประเด็นทวิภาคีที่ต้องหาทางออกอย่างสันติร่วมกัน โดยล่าสุดทั้งสองฝ่ายได้บรรลุความคืบหน้าใน 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การถอนอาวุธออกจากพื้นที่ชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งหลอกลวงออนไลน์ และการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนในจุดอ่อนไหว เช่น บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว
ข้อตกลงที่กำลังจัดทำอยู่ในขณะนี้คาดว่าจะนำไปสู่ “คำประกาศเพื่อสันติภาพไทย-กัมพูชา” ซึ่งจะมีสหรัฐอเมริกาและมาเลเซียร่วมเป็นสักขีพยานในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ถือเป็นสัญญาณบวกของความร่วมมือใหม่ในภูมิภาค ที่สะท้อนถึงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของไทยในการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสข่าวเชิงบวก กลับเกิดกระแสความเข้าใจผิดจากฝั่งกัมพูชา เมื่อ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว อ้างว่าการประชุม JBC ระหว่างวันที่ 21-22 ตุลาคม มีการอ้างอิง “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” ตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ปี 1907 เพื่อสำรวจและปักหลักเขตชั่วคราวในพื้นที่พิพาทระหว่างหมู่บ้านโจกเจยและเปรยจัน
กระทรวงการต่างประเทศไทยออกแถลงการณ์ชี้แจงทันทีว่า ข้อมูลดังกล่าว “ไม่เป็นความจริง” และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างร้ายแรง โดยยืนยันว่าการประชุม JBC ที่จังหวัดจันทบุรี เป็นการหารือบนพื้นฐานของหลักเขตแดนเดิมที่มีอยู่แล้วเท่านั้น ไม่มีการหยิบยกเรื่องแผนที่ 1:200,000 เข้ามาเจรจาแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่าไทยยังคงยึดมั่นในอธิปไตย ผลประโยชน์แห่งชาติ และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนเป็นสำคัญ
รัฐบาลไทยโดยโฆษกรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ยังออกมาย้ำเพิ่มเติมว่า การเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดจากฝ่ายกัมพูชาอาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานทางการ
ในส่วนของการรักษาความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ยืนยันว่า ไทยจะเริ่มดำเนินการสร้างรั้วชายแดนในพื้นที่ที่มีความชัดเจนของเส้นเขตแดนแล้วเท่านั้น เพื่อใช้ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันภัยคุกคามข้ามแดน โดยย้ำว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้กรอบอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน