ดาวโจนส์ปิดลบ 226.19 จุด กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด-หุ้นเฮลธ์แคร์ร่วง

04 พ.ย. 2568 | 01:17 น.
อัปเดตล่าสุด :04 พ.ย. 2568 | 01:18 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 226.19 จุด กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟดจากการชตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ และถูกกดดันจากหุ้นเฮลธ์แคร์ร่วง

KEY

POINTS

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวลดลง 226.19 จุด โดยมีปัจจัยกดดันหลักจากการร่วงลงของหุ้นในกลุ่มเฮลธ์แคร์
  • นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
  • การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (ชัตดาวน์) ทำให้เฟดขาดข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในการตัดสินใจ ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนต่อนโยบายการเงิน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (3 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ 

รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เนื่องจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้เฟดขาดแคลนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ 

อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก ขานรับข่าวการทำข้อตกลงด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างบริษัท Amazon และ OpenAI

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 47,336.68 จุด ลดลง 226.19 จุด หรือ -0.48%, 
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,851.97 จุด เพิ่มขึ้น 11.77 จุด หรือ +0.17% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,834.72 จุด เพิ่มขึ้น 109.77 จุด หรือ +0.46%

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลงและเป็นปัจจัยฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ โดยหุ้น UnitedHealth Group และหุ้น Merck ดิ่งลง 2.3% และ 4.1% ตามลำดับ

ดาวโจนส์ปิดลบ 226.19 จุด กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด-หุ้นเฮลธ์แคร์ร่วง

การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ได้ย่างเข้าสู่วันที่ 34 ในวันจันทร์ ทำให้การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด ซึ่งส่งผลให้ผู้กำหนดนโยบายและภาคธุรกิจขาดข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในการตัดสินใจ ด้านนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การขาดข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้การคาดการณ์ของตลาดถูกบิดเบือน และทำให้การตัดสินใจในการลงทุนของภาคเอกชนต้องล่าช้าออกไปด้วย

ทางด้านเฟดนั้น หลังจากที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป เนื่องจากปัญหาชัตดาวน์ทำให้เฟดขาดแคลนข้อมูลที่สำคัญ และล่าสุด เจ้าหน้าที่เฟดยังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยสตีเฟน มิแรน หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดสนับสนุนให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขณะที่ออสติน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก มีท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดบวก หลังจากบริษัท Amazon ประกาศทำข้อตกลงมูลค่า 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์กับ OpenAI เพื่อเปิดทางให้ OpenAI ดำเนินการและขยายงานด้าน AI บนโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของ Amazon Web Services ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้น Amazon พุ่งขึ้น 4%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 48.7 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.4 จากระดับ 49.1 ในเดือนก.ย.

ทางด้านเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.5 ในเดือนต.ค. จากระดับ 52.0 ในเดือนก.ย. โดยดัชนี PMI ปรับตัวสูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเดือนที่ 3

นักลงทุนจับตาศาลฎีกาสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดไต่สวนในวันพุธนี้ (5 พ.ย.) ต่อคดีที่ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนมาตรการภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของเขา โดยระบุว่า ปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ปี 1977

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มตลาดแรงงานของสหรัฐฯ