KEY
POINTS
ทำเนียบขาวเผยแพร่เอกสาร “Fact Sheet: President Donald J. Trump Strikes Deal on Economic and Trade Relations with China” ซึ่งสรุปสาระของข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้าฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ภายหลังการพบหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่สาธารณรัฐเกาหลี โดยระบุว่า
ในสัปดาห์นี้ ณ สาธารณรัฐเกาหลี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บรรลุข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้ากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญที่ช่วยปกป้องความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ พร้อมให้ความสำคัญกับแรงงาน เกษตรกร และครอบครัวชาวอเมริกันเป็นลำดับแรก
ข้อตกลงประวัติศาสตร์นี้รวมถึงคำมั่นของจีนที่จะ ยุติการไหลเข้าของสารตั้งต้นที่ใช้ผลิตยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ ยกเลิกการควบคุมการส่งออกแร่หายากและแร่สำคัญอื่น ๆ ที่มีอยู่และที่เสนอใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ ยุติมาตรการตอบโต้ต่อผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์และบริษัทใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดตลาดจีนสำหรับถั่วเหลืองและสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ
จีนจะระงับการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากและมาตรการที่เกี่ยวข้องทั่วโลก ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025
จีนจะออกใบอนุญาตทั่วไป (General License) สำหรับการส่งออกแร่หายาก แกลเลียม เจอร์เมเนียม แอนติโมนี และกราไฟต์ เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้ปลายทางในสหรัฐฯ และซัพพลายเออร์ทั่วโลก ซึ่งเท่ากับเป็นการยกเลิกการควบคุมที่จีนกำหนดไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 และตุลาคม 2022
จีนจะดำเนินมาตรการสำคัญเพื่อยุติการส่งออกเฟนทานิลไปยังสหรัฐฯ โดยเฉพาะจะหยุดการจัดส่งสารเคมีบางชนิดไปยังอเมริกาเหนือ และเข้มงวดการส่งออกสารเคมีบางประเภทไปยังทุกประเทศทั่วโลก
จีนจะระงับภาษีตอบโต้ทั้งหมดที่ประกาศตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2025 รวมถึงภาษีสินค้าการเกษตรสหรัฐฯ เช่น ไก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด ฝ้าย ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง หมู เนื้อวัว ผลิตภัณฑ์ประมง ผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์นม
จีนจะระงับหรือยกเลิกมาตรการตอบโต้ที่ไม่ใช่ภาษีทั้งหมดที่ดำเนินการกับสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2025 รวมถึงการระบุรายชื่อบริษัทอเมริกันบางแห่งในบัญชีผู้ใช้ปลายทางและบัญชีหน่วยงานไม่น่าเชื่อถือ
จีนจะซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ อย่างน้อย 12 ล้านตันในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี 2025 และซื้อไม่น้อยกว่า 25 ล้านตันต่อปีในปี 2026, 2027 และ 2028 รวมทั้งจะกลับมาซื้อข้าวฟ่างและไม้ซุงจากสหรัฐฯ อีกครั้ง
จีนจะดำเนินมาตรการเพื่อให้โรงงานของ Nexperia ในจีนกลับมาผลิตและส่งออกชิปเทคโนโลยีรุ่นเก่า (legacy chips) ได้อีกครั้ง
จีนจะยกเลิกมาตรการตอบโต้ที่ใช้หลังจากสหรัฐฯ ประกาศสอบสวนภายใต้มาตรา 301 เกี่ยวกับการมุ่งครองอุตสาหกรรมการเดินเรือ โลจิสติกส์ และต่อเรือของจีน รวมถึงการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัทเดินเรือต่าง ๆ
จีนจะขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่อิงตามกลไกตลาดออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2026
จีนจะยุติการสอบสวนต่าง ๆ ที่พุ่งเป้าไปยังบริษัทสหรัฐฯ ในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงการสอบสวนด้านการผูกขาดและการทุ่มตลาด
การดำเนินการของสหรัฐฯ
สหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าจากจีนที่กำหนดเพื่อควบคุมการไหลเข้าของเฟนทานิล โดยลดลง 10 จุดเปอร์เซ็นต์ของอัตรารวม เริ่มมีผลวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 และจะคงการระงับภาษีตอบโต้ที่เพิ่มขึ้นต่อสินค้าจีนจนถึง 10 พฤศจิกายน 2026 (ในช่วงนี้จะคงอัตราภาษีตอบโต้ที่ 10%)
สหรัฐฯ จะขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีภายใต้มาตรา 301 ที่จะหมดอายุวันที่ 29 พฤศจิกายน 2025 ออกไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2026
สหรัฐฯ จะระงับการบังคับใช้กฎระเบียบชั่วคราวชื่อ Expansion of End-User Controls to Cover Affiliates of Certain Listed Entities เป็นเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2025
สหรัฐฯ จะระงับการดำเนินการตอบโต้ที่ออกตามมาตรา 301 เกี่ยวกับการมุ่งครองอุตสาหกรรมเดินเรือ โลจิสติกส์ และต่อเรือของจีน เป็นเวลา 1 ปี เริ่มวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 โดยในระหว่างนี้ สหรัฐฯ จะเจรจากับจีนตามกรอบมาตรา 301 และเดินหน้าความร่วมมือกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือของสหรัฐฯ
การเสริมสร้างชัยชนะอีกครั้งเพื่อประชาชนอเมริกัน
ข้อตกลงการค้าและเศรษฐกิจครั้งนี้ถือเป็นจุดสูงสุดของการเดินทางเยือนเอเชียของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งประสบความสำเร็จหลายด้านเพื่อประชาชนอเมริกัน
ในมาเลเซีย ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในข้อตกลงการค้าต่างตอบแทนกับมาเลเซียและกัมพูชา พร้อมประกาศกรอบเจรจาการค้าร่วมกับไทยและเวียดนาม รวมถึงลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านแร่สำคัญกับไทยและมาเลเซีย
ในญี่ปุ่น ทรัมป์ได้ประกาศโครงการสำคัญที่ต่อยอดจากคำมั่นการลงทุนมูลค่า 550 พันล้านดอลลาร์ของญี่ปุ่นในสหรัฐฯ เพื่อฟื้นฟูฐานอุตสาหกรรม ลงนามข้อตกลงด้านแร่สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ รับประกันการซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ และเพิ่มความร่วมมือในการต่อต้านการค้ายาเสพติด
ในเกาหลีใต้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับคำมั่นลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการจ้างงานในสหรัฐฯ ส่งเสริมความเป็นผู้นำด้านพลังงานและเทคโนโลยี และสร้างพันธมิตรทางการเดินเรือระหว่างสหรัฐฯ–เกาหลีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น