KEY
POINTS
วันที่ 30 ตุลาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พบกันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ที่ฐานทัพอากาศกิมแฮ เมืองปูซาน เกาหลีใต้ นับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบทวิภาคี โดยทั้งสองฝ่ายนำทีมที่ปรึกษาและรัฐมนตรีร่วมเข้าหารือฝ่ายละ 7 คน
ฝั่งจีนประกอบด้วย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รองนายกรัฐมนตรีเหอ ลี่เฟิง รัฐมนตรีต่างประเทศหวัง อี้ และรัฐมนตรีพาณิชย์หวัง เหวินเทา รวมถึงคณะทำงานระดับสูงอีกหลายคน ส่วนฝั่งสหรัฐฯ นำโดยทรัมป์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีพาณิชย์ โฮวาร์ด ลัตนิก รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โก รูบิโอ และเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำจีน เดวิด เพอร์ดิว
ก่อนการหารือ ทรัมป์กล่าวสั้น ๆ ว่า คาดหวังให้การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก พร้อมย้ำว่า มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ด้านสี จิ้นผิง ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า เป็นเรื่องดีที่ได้พบกันอีกครั้ง
ทั้งคู่เคยพบกันครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2019 ระหว่างการประชุมสุดยอด G20 ที่เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น โดยสี จิ้นผิง เปิดเผยว่า ตั้งแต่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง ทั้งสองได้พูดคุยทางโทรศัพท์สามครั้งและแลกเปลี่ยนจดหมายกันอย่างต่อเนื่อง
ผู้นำจีนกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่เศรษฐกิจชั้นนำของโลกจะมีความขัดแย้งกันบ้างเป็นครั้งคราว แต่ควรเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง พร้อมย้ำว่าจีนและสหรัฐฯ ควรเป็นพันธมิตรและมิตรสหายเพราะนี่คือสิ่งที่ประวัติศาสตร์สอนและสิ่งที่โลกต้องการ
สี จิ้นผิง ยังกล่าวชื่นชมความพยายามของทรัมป์ในการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาความขัดแย้งระดับภูมิภาค โดยเฉพาะบทบาทในการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา และการส่งเสริมการเจรจาสันติภาพในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา–ไทย ซึ่งทรัมป์ได้ให้ข้อมูลและสนับสนุนในระหว่างการเยือนมาเลเซียก่อนหน้านี้
จีนก็พยายามแก้ไขข้อพิพาทด้วยวิธีของเราเอง และส่งเสริมการเจรจาเพื่อสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค จีนและสหรัฐฯ ควรร่วมกันแบกรับความรับผิดชอบในฐานะประเทศใหญ่ของโลก เพื่อรับมือกับปัญหาท้าทายร่วมกัน
ผู้นำจีนปิดท้ายว่า พร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศและของโลก ขณะที่การประชุมทวิภาคีดำเนินต่อไปแบบปิดประตู หลังผู้สื่อข่าวถูกเชิญออกจากห้องประชุม
อย่างไรก็ตาม ผู้นำทั้งสองมีกำหนดพบกันที่เมืองปูซาน ซึ่งไม่ใช่เมืองคย็องจูสถานที่จัดประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย